ดอกซ่อนกลิ่น บำรุงร่างกาย และการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้ จากน้ำมันหอมระเหย ดอก และเหง้า ในสมัยก่อนนั้น คนไทยนำดอกซ่อนกลิ่น มาใช้ประโยชน์ในการซ่อนกลิ่นศพ จึงไม่ค่อยมีใครใช้ หรือปลูกไว้ในบ้านกัน เพราะเชื่อว่าเป็นลางไม่ดี แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีการใช้แล้วก็ตาม เรามาทำความรู้จัก กับดอกไม้กลิ่นหอมรันจวนใจ กินบำรุงร่างกายได้ขนิดนี้กัน
ชื่อ: ซ่อนกลิ่น
ชื่อภาษาอังกฤษ: Tuberose
ชื่อวิทยศาสตร์: Poliamtues tuberosa Lin.
ชื่ออื่น: ดอกรวงข้าว, ดอกลีลา, ต้นลั่นทม, หอมไกล หรือ หอมไก๋ (ภาคเหนือ), ดอกเข่า (ภาคอีสาน)
วงศ์: Amaryllidaceae
ถิ่นกำเนิด: ในทวีปอเมริกาใต้ พบตามแถบเทือกเขาแอนดีส ในทวีปเอเชียครั้งแรก ที่ฟิลิปปินส์โดยชาวสเปน และสันนิษฐานว่า เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ที่มา: ซ่อนกลิ่น [1]
ซ่อนกลิ่น เป็นพืชไม้ล้มลุก สูงประมาณ 2 – 3 ฟุต สามารถออกดอก ได้ตลอดทั้งปี
ที่มา: ซ่อนกลิ่น พืชดอกมีกลิ่นหอม สมุนไพร สรรพคุณช่วยผ่อนคลาย [2]
การขยายพันธุ์: ซ่อนกลิ่นขยายพันธ์ด้วยหัว ทำได้ 3 วิธี คือ
ที่มา: วิธีการปลูกซ่อนกลิ่น [3]
ดอกซ่อนกลิ่น เป็นอีกหนึ่งใน ดอกไม้กินได้ ที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคได้หลากหลาย แต่มักไม่นิยมนำมากินเป็นผักสด เนื่องจากมีสารบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดอาการไม่สบายตัวได้ในบางคน
ในประเทศไทยบ้านเรานี้ จะมีดอกซ่อนกลิ่นอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ที่พบเห็นกันโดยทั่วไปคือ
ซ่อนกลิ่น ดูแลไม่ยาก ชอบอยู่ในที่แดดจัดๆ น้ำ ความชื้นปานกลาง แต่จะไม่ชอบดินที่น้ำท่วมขัง หรือระบายน้ำได้ไม่ดี 2 – 3 วันรดน้ำที หรือดูว่าดินแห้งมากน้อยแค่ไหนก็อาจจะปรับให้น้ำถี่ขึ้นก็ได้ ซ่อนกลิ่นจะโตเร็ว ในช่วงหน้าฝน แตกกอสูงใหญ่กว่าช่วงอื่นๆ ออกดอกน้อยลง แต่ใบอาจจะเยอะขึ้น ควรระวังโรคต่างๆ ที่มากับฝน เพราะในช่วงหน้าฝนนี้อาจทำลายกอได้ จะต้องลงมาดูแลตัดแต่งใบบางส่วนออก ให้กอโปร่งโล่งเอาไว้ จะได้เป็นการลดโอกาสเป็นโรคได้ สิ่งสำคัญเพียงเท่านี้
สรุป ดอกซ่อนกลิ่น แม้ว่าจะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และถูกใช้ในด้านความงาม และเครื่องหอมมาช้านาน แต่ในการบริโภคโดยตรงมักไม่นิยมนำมารับประทานสด เนื่องจากมีสารบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดอาการไม่สบายตัวได้ในบางคน อย่างไรก็ตาม ในบางตำรับยาแผนไทย ดอกซ่อนกลิ่นถูกใช้เป็นสมุนไพรเพื่อบำรุงหัวใจ และช่วยผ่อนคลาย
ตีแผ่ทุกแง่มุม ของทุกวงการ ครบทุกรสชาติ ในที่เดียว