แนะนำ ดอกไม้กินได้ สีสัน และคุณค่าทางโภชนาการ

ดอกไม้กินได้

ดอกไม้กินได้ (Edible Flowers) หมายถึง ดอกไม้ ที่มีคุณสมบัติปลอดภัยในการบริโภค  ซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีสารพิษ หรือสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดอกไม้เหล่านี้เป็นทั้งแหล่งสารอาหาร และส่วนผสมที่สามารถเติมเต็ม รสชาติของจานอาหารได้ เช่น ดอกอัญชันที่มีรสชาติอ่อนๆ แต่ให้สีสันที่สดใส หรือดอกสะเดาที่มีรสขมเฉพาะตัว โดยทั่วไปดอกไม้กินได้ สามารถใช้ทั้งในจานสลัด ซุป ขนมหวาน เครื่องดื่ม และแม้แต่ในเมนูอาหารไทยดั้งเดิม อย่างแกงส้มดอกโสน

ประโยชน์ของ ดอกไม้กินได้ ในจานอาหาร

  1. เพิ่มรสชาติที่หลากหลาย
    ดอกไม้แต่ละชนิดมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ดอกแนสเตอร์เดียมที่ให้รสเผ็ดเล็กน้อย ดอกกุหลาบที่ให้กลิ่นหอมหวาน และดอกสะเดาที่มีรสขม การเลือกใช้ดอกไม้ที่มีรสชาติแตกต่างกันสามารถช่วยปรับรสชาติให้จานอาหารดูมีมิติและน่าสนใจมากขึ้น 
  2. เพิ่มสีสันให้จานอาหารน่ารับประทาน
    ดอกไม้กินได้ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับจานอาหารด้วยสีสันที่สดใส เช่น สีม่วงจากดอกอัญชัน สีเหลืองจากดอกดาวเรือง และสีขาวจากดอกมะลิ สีสันเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความน่ารับประทานแต่ยังช่วยกระตุ้นความอยากอาหารอีกด้วย 
  3. เสริมคุณค่าทางโภชนาการ
    ดอกไม้หลายชนิดมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ เช่น วิตามิน A จากดอกดาวเรือง วิตามิน C จากดอกกุหลาบ และสารต้านอนุมูลอิสระจากดอกอัญชัน การเพิ่มดอกไม้ในมื้ออาหารช่วยเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพร่างกาย

 

ที่มา: Edible flowers as a health promoter [1]

ดอกไม้ที่ใช้เป็นสมุนไพร และมีสรรพคุณทางยา

  • ดอกสะเดา (Neem Flower): ดอกสะเดามีรสขมและเป็นที่นิยมในอาหารพื้นบ้านไทย มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ขับพิษในร่างกาย และช่วยบำรุงระบบการย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง
  • ดอกคาโมมายล์ (Chamomile Flower): ดอกคาโมมายล์เป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมในรูปแบบชาสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการเครียดและช่วยให้หลับสบาย มีสารสำคัญอย่างอะพิจินิน (Apigenin) ที่มีฤทธิ์ทำให้สมองผ่อนคลาย ลดอาการวิตกกังวล และช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลายอย่างธรรมชาติ
  • ดอกขี้เหล็ก (Senna Siamea Flower): ดอกขี้เหล็กถือเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่นิยมใช้ในอาหารไทย เช่น แกงขี้เหล็ก ดอกขี้เหล็กมีสารสำคัญที่ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับและลดความเครียด มีฤทธิ์คลายเครียดและช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย
  • ดอกคำฝอย (Safflower): ดอกคำฝอยเป็นดอกไม้สมุนไพรที่ใช้มากในวงการสมุนไพรแผนโบราณและแผนจีน มีสรรพคุณในการช่วยลดคอเลสเตอรอล บำรุงหัวใจ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ดอกมะรุม (Moringa Flower): ดอกมะรุมมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งวิตามิน A, C, แคลเซียม และโพแทสเซียม ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ดอกโสน (Sesbania Flower): ดอกโสนมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเลือดและลดไข้ ดอกโสนเป็นที่นิยมในอาหารพื้นบ้านไทย เช่น แกงส้มดอกโสนหรือผัดดอกโสน ดอกโสนมีฤทธิ์ช่วยในการขับพิษและบำรุงร่างกายให้สดชื่น มีสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงโลหิต ลดอาการอ่อนเพลีย และช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง
  • ดอกซ่อนกลิ่น (Tuberose): แม้ว่าดอกซ่อนกลิ่นจะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และถูกใช้ในด้านความงามและเครื่องหอมมาช้านาน แต่ในการบริโภคโดยตรงมักไม่นิยมนำมารับประทานสด เนื่องจากมีสารบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดอาการ ไม่สบายตัวได้ในบางคน อย่างไรก็ตาม ในบางตำรับยาแผนไทย ดอกซ่อนกลิ่นถูกใช้เป็นสมุนไพรเพื่อบำรุงหัวใจ และช่วยผ่อนคลายcccc

ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งจาน และเป็นเมนูอาหารไทยพื้นบ้าน

  • ดอกมาการ์เร็ต (Margaret Flower): ดอกมาการ์เร็ตสีขาว และสีม่วงช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับจานขนม และสลัด มีลักษณะน่ารัก และโดดเด่น สามารถวางบนขนมเค้ก และของหวานได้
  • ดอกไวโอเล็ต (Violet Flower): ดอกไวโอเล็ตมีสีม่วงสดใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นิยมใช้ตกแต่งขนมหวาน เช่น เค้ก คุกกี้ หรือไอศกรีม และยังใช้ในเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มสีสันและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ ช่วยทำให้จานอาหารดูมีเสน่ห์และหรูหรา
  • ดอกพิทูเนีย (Petunia): ดอกพิทูเนียมีสีสันสดใสหลายสี เช่น ชมพู ม่วง และแดง นิยมใช้ตกแต่งสลัด และจานขนมหวานให้ดูน่ารับประทานมากขึ้น อีกทั้งยังเข้ากันได้ดี กับการจัดจานอาหารที่ต้องการความโดดเด่น และสดใส
  • ดอกแนสเตอร์เดียม (Nasturtium): ดอกแนสเตอร์เดียมมีสีสันสดใส และรสชาติคล้ายพริกไทยเล็กน้อย เหมาะกับการใช้เพิ่มสีสันในจานสลัด หรือจานขนม สามารถทานได้ทั้งดอก และใบ และให้รสชาติที่แตกต่าง ช่วยเพิ่มมิติให้กับจานอาหาร
  • ดอกเข็ม (Ixora): ดอกเข็มเป็นดอกไม้เล็กสีสันสดใสที่พบได้ทั่วไป นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในยำ และสลัดเพื่อเพิ่มความสวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถโรยบนขนมเพื่อให้ดูน่ารับประทานขึ้น
  • ดอกกระดุมทอง (Wedelia Flower): ดอกกระดุมทองมีสีเหลืองสดใส มักใช้ในการตกแต่งจานอาหารให้ดูสดชื่นและมีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับการจัดจานขนม และจานอาหารที่ต้องการเพิ่มความสดใสให้กับจานอาหาร
  • ดอกขจร (Cowslip Creeper): ดอกขจรมีสีเหลืองและรสชาติอ่อนหวาน นิยมนำมาทำยำ แกง หรือผัดกับไข่ เพิ่มรสชาติ และความหอมอ่อนๆ ให้กับอาหาร อีกทั้งยังสามารถทานสด กับน้ำพริกได้เช่นกัน
  • ดอกแค (Sesbania Flower): ดอกแคมีรสชาติกรุบกรอบ ใช้ในแกงส้มดอกแค ยำดอกแค และยังสามารถทานคู่กับน้ำพริกได้ ดอกแคเป็นที่นิยมในอาหารไทย ที่ให้รสชาติสดชื่น และกลิ่นหอมอ่อนๆ

ดอกไม้ที่ใช้ในเครื่องดื่ม และของหวาน รวมถึงสามารถรับประทานสดได้

ดอกไม้กินได้
  • ดอกอัญชัน (Butterfly Pea Flower): ดอกอัญชันเป็นดอกไม้สีฟ้าหรือน้ำเงินเข้มที่ใช้เพิ่มสีสันในเครื่องดื่มและขนมหวาน นิยมนำมาชงเป็นชาเพื่อทำเป็นน้ำอัญชัน หรือนำไปต้มในน้ำร้อนแล้วเติมน้ำมะนาวเพื่อเปลี่ยนสีจากน้ำเงินเป็นม่วง 
  • ดอกมะลิ (Jasmine Flower): ดอกมะลิมีกลิ่นหอมละมุน นิยมนำมาใช้น้ำลอยดอกมะลิเพื่อให้กลิ่นหอมในน้ำสมุนไพร หรือในขนมไทยเช่น ข้าวเหนียวมะลิ ในเครื่องดื่มอย่างชาเขียวมะลิหรือชามะลิ การใช้ดอกมะลิทำให้น้ำมีกลิ่นหอมที่โดดเด่นและเสริมบรรยากาศของการผ่อนคลาย
  • ดอกกุหลาบ (Rose): ดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนหรือแดงนิยมใช้ในชากุหลาบและขนมหวาน เช่น เจลาติน ไอศกรีม พาย หรือเครื่องดื่มสมุนไพร ชากุหลาบช่วยให้รู้สึกสงบและยังช่วยในด้านความงาม บำรุงผิวพรรณ และต้านอนุมูลอิสระ ดอกกุหลาบยังให้กลิ่นหอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ที่เสริมความสดชื่นให้กับเครื่องดื่มและขนม
  • ดอกเบญจรงค์ห้าสี (Asystasia Flower): ดอกเบญจรงค์ห้าสีมีสีสดใสต่างๆ เช่น ขาว ม่วง เหลือง หรือชมพู ดอกนี้สามารถรับประทานสดในสลัดหรือยำได้ มีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกาย และนิยมใช้เป็นผักสดเคียงในสลัด เพื่อเพิ่มความสดชื่นและสีสันให้กับจานอาหาร
  • ดอกผีเสื้อ (Butterfly Flower): ดอกผีเสื้อหรือดอกอัญชันสีฟ้าม่วงสดใสนิยมใช้เป็นส่วนประกอบในสลัด เพื่อเพิ่มสีสันให้จานอาหารดูน่ารับประทาน และดึงดูดสายตา ช่วยให้มื้ออาหารดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
  • ดอกดาหลา (Torch Ginger): ดอกดาหลามีสีสันสดใสและกลิ่นหอมอ่อนๆ นิยมใช้ในเมนูอาหารไทย เช่น ยำดอกดาหลา หรือใช้เพิ่มกลิ่นในน้ำพริก นอกจากนี้ยังสามารถนำมาตกแต่งจานอาหารหรือใส่ในสลัดเพื่อเพิ่มสีสันและความน่าสนใจ

ที่มา: Thailand Edible Flower [2]

เคล็ดลับการเตรียม และการบริโภคดอกไม้กินได้

1.เลือกดอกไม้ที่ปลูกอย่างปลอดภัย: หากต้องการใช้ดอกไม้สมุนไพรเพื่อบริโภค ควรเลือกดอกไม้จากแหล่งที่ปลอดภัย ปลอดสารเคมี
2.การล้างดอกไม้ให้สะอาด: ก่อนใช้งาน ควรล้างดอกไม้เบา ๆ ในน้ำเย็น เพื่อขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจติดมากับดอกไม้ 
3.การอบหรือการตากให้แห้ง: สำหรับการเก็บรักษาดอกไม้สมุนไพร ที่ต้องการเก็บไว้นาน ควรอบหรือตากดอกไม้ให้แห้ง ในที่ร่ม เพื่อรักษาสารสำคัญ ที่อยู่ในดอกไม้
4.การแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาความสด: หากต้องการเก็บดอกไม้สมุนไพร ในสภาพสด ควรแช่แข็งดอกไม้ หลังจากล้าง และซับน้ำออก
5.การเตรียมดอกไม้สำหรับการต้มชาหรือทำเครื่องดื่มสมุนไพร: ดอกไม้บางชนิดเช่น ดอกคาโมมายล์ และดอกอัญชัน ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำเดือดพอประมาณ เพื่อรักษากลิ่น และรสชาติ

ข้อควรระวังในการบริโภค ดอกไม้กินได้ ที่มีสรรพคุณเป็นสมุนไพร

1.ตรวจสอบว่าดอกไม้สามารถบริโภคได้จริงหรือไม่: ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ที่ต้องการบริโภคอย่างละเอียด เนื่องจากบางชนิดอาจมีส่วนที่เป็นพิษหรืออาจก่อให้เกิดอาการแพ้
2.เริ่มจากปริมาณน้อยเมื่อบริโภคครั้งแรก: หากยังไม่เคยทานดอกไม้ชนิดนั้นมาก่อน ควรเริ่มจากปริมาณน้อยเพื่อทดสอบการตอบสนองของร่างกาย เนื่องจากบางคนอาจมีอาการแพ้ต่อสารบางชนิดในดอกไม้
3.เลือกใช้ดอกไม้ตามความเหมาะสมในสูตรอาหาร: ดอกไม้แต่ละชนิด มีคุณสมบัติทางยา และรสชาติที่แตกต่างกัน ควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม และตรวจสอบสูตรการเตรียมดอกไม้ ที่ถูกต้องเพื่อรักษาคุณประโยชน์
4.ระวังในการใช้ดอกไม้สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์: ดอกไม้สมุนไพรบางชนิดอาจมีฤทธิ์กระตุ้น เช่น ดอกสะเดาที่ช่วยขับพิษ แต่ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคหากมีโรคประจำตัวหรืออยู่ในช่วงการดูแลสุขภาพเฉพาะทาง

ที่มา: Edible Flowers Guide [3]

สรุป ดอกไม้กินได้ ตัวช่วยเสริมสีสัน รสชาติ และประโยชน์เพื่อสุขภาพ

ดอกไม้กินได้

สรุป ดอกไม้กินได้ ไม่เพียงแต่ช่วยเติมสีสัน และความสวยงามให้กับจานอาหาร แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ การเลือกดอกไม้ที่ปลอดภัย และรู้จักวิธีเตรียมที่เหมาะสม จะทำให้การนำดอกไม้มาประดับจานอาหาร หรือทำเป็นเครื่องดื่มนั้นกลายเป็นเรื่องง่าย และปลอดภัยยิ่งขึ้น

หวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้คุณได้รู้จักดอกไม้กินได้มากขึ้น และกล้าที่จะนำมาปรับใช้ ในมื้ออาหารของคุณ เพื่อเสริมความน่าสนใจ และเพิ่มประโยชน์ให้กับสุขภาพของคุณ และคนที่คุณรัก

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง