กระบองเพชร พืชที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี

กระบองเพชร

กระบองเพชร เป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่ทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี สามารถยืนต้นอยู่ได้ แม้แต่ในทะเลทรายที่ร้อนจัด หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่มีความแห้งแล้งมากๆก็ตาม โดยที่ต้นไม่ตาย เพราะว่าต้นกระบองเพชร จะเก็บสะสมน้ำไว้ ในลำต้นอยู่จำนวนมาก เพื่อเอาไว้ใช้ ในตลอดระยะเวลาที่ขาดน้ำ

ประวัติของ กระบองเพชร กับลักษณะทั่วไป

กระบองเพชร ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมปลูก ไว้ประจำบ้าน เพราะมีความเชื่อกันว่า หากบ้านหลังใดที่มีการปลูก จะถือว่าเป็นสิริมงคล แก่ผู้ที่อยู่อาศัย ทำให้มีชีวิตที่ราบรื่น มีโชคลาภเข้ามาในชีวิต ปัจจุบันก็ยัง ได้รับความนิยม ในการปลูกไว้ เพื่อประดับตกแต่งบ้าน หรือตามสถานที่ต่างๆ ทั่วไป

ประวัติและที่มาของกระบองเพชร

กระบองเพชร หรือ CACTUS คือพืชชนิดหนึ่ง ที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี เป็นพืชอวบน้ำ ที่เก็บสะสมน้ำไว้ในลำต้น ราก และใบ จัดอยู่ในกลุ่มพืชใบเลี้ยงคู่

ซึ่งตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันยังไม่มี การขุดค้นพบซากฟอสซิล (fossil) โบราณ ของกระบองเพชรมาก่อนเลย แต่เชื่อว่ามีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคโบราณ Moseic ในช่วงต้นยุค Teriary หรือประมาณ 20,000 ปีที่ผ่านมา

ยังไม่มีบันทึก ที่ชัดเจนว่า Cactus มีความเกี่ยวข้อง กับมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไร แต่มีการค้นพบ บันทึกหลักฐานเก่าแก่ ที่สำคัญเกี่ยวกับกระบองเพชร ซึ่งถูกบันทึกในปี ค.ศ. 1325

โดยชนชาว Aztecs ในประเทศเม็กซิโก ใช้ Cactus ชนิดหนึ่ง คือเสมา (Opuntia)เป็นสัญลักษณ์แห่งการรวมเผ่าพันธุ์ชาว Aztecs และแทนการก่อตั้งเมือง Mexico City

สามารถคลิกอ่าน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประวัติกระบองเพชร ได้ที่ wordpress

กระบองเพชรมีลักษณะทั่วไปอย่างไร

เมื่อพูดถึงลักษณะ ของกระบองเพชรนั้น เราจะรู้ได้ทันทีเลยว่า ลำต้นจะมีหนามที่แหลมคม เพราะว่าใบ ที่อยู่บนลำต้นนั้น จะเปลี่ยนเป็นหนาม เพื่อลดในเรื่องของการคายน้ำ จะมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ต้นกระบองเพชร ส่วนใหญ่จะมีลำต้นเตี้ย และอวบน้ำ มีลักษณะเด่นชัด คือหนามที่อยู่รอบลำต้น [1] หนามที่อยู่รอบต้น จะมีทั้งแบบแข็ง กับแบบอ่อน ถ้าแบบแข็ง ก็จะออกแหลมคม มีหนามหลายสี  ถ้าหนามแบบอ่อน เส้นจะคล้ายกับขนสัตว์ สีเส้นจะมีสีขาว
  • กระบองเพชร จะมีขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลาง จะมีรากที่แข็งแรง ลำต้นจะเป็นสีเขียว ไปจนถึงสีเขียวเข้ม หรือเขียวคล้ำ ผลต้นจะมีรูปทรง ที่หลากหลาย ทั้งแบบรูปทรงกลม ทรงกระบอก รวมไปถึงทรงรูปไข่ ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์อีกที
  • ดอกจะสวยมาก แต่ค่อนข้างจะออกดอกยาก จะมีสีดอกที่หลากหลาย คือมีสีขาว สีชมพู สีเหลือง สีแดง สีม่วง หรือสีส้ม ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ดอกจะมีกลิ่นที่ค่อนข้างเหม็น เนื่องจากดอกส่งกลิ่นเหม็นเน่า เพื่อเอาไว้ล่อแมลง ให้มาดมนั่นเอง

แนะนำสายพันธุ์ กระบองเพชร และวิธีการปลูก

กระบองเพชร

ปัจจุบันกระบองเพชร จะมีสายพันธุ์มากกว่า 2000 สายพันธุ์ด้วยกัน โดยแต่ละสายพันธุ์ จะแตกต่างกันออกไป และได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อให้เกิดความสวยงาม ที่หลากหลาย รวมไปถึงการขยายสายพันธุ์ ให้มีคุณภาพ เพื่อให้เป็นที่ต้องการ ทางการตลาดมากขึ้น ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น

กระบองเพชรกับสายพันธุ์ที่นิยมปลูก

1.ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium) กระบองเพชรสายพันธุ์นี้ จะนิยมใช้ในการแต่งสวน Cactus โดยมีลักษณะ แตกหน่อจากตุ่มหนาม จะมีดอกหลากหลายสีด้วยกัน เช่นดอกสีส้ม สีเหลือง สีเขียว ดอกมักจะบานในช่วงกลางวัน

2.แอสโตรไฟตัม (Astrophytum) สายพันธุ์นี้จะน่าที่สุด เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่มีคนชื่นชอบและมีกระแสที่ฮิต จะเหมาะสำหรับ การแต่งสวนอย่างยิ่ง โดยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ มีจุดสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน ที่ขึ้นแทนหนาม ทำให้ไม่แหลมคม ออกดอกมีสีเหลืองสดใส

3.แมมมิลลาเรีย (Mammillaria) อีกหนึ่งสายพันธุ์ยอดนิยม มีจุดเด่นที่น่ารัก อยู่ที่ตัวดอกบานสวยรอบลำต้นทรงกลม มีหนามสีขาวขนฟู มีดอกหลายสี เช่น ดอกชมพู สีส้ม สีแดง หรือสีม่วง ขึ้นอยู่การผสมพันธุ์ สายพันธุ์นี้มองแล้ว ดูอ่อนหวาน สบายตาสุดๆ

4.คอริแฟนธา อีเลเฟนท์ทิเดนส์ (Coryphantha Elephantidens) สายพันธุ์ที่ต้องการน้ำน้อยมาก แต่ทนต่อ ความแห้งแล้งได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับแต่งสวนที่อยู่กลางแจ้ง มีลำต้น รูปทรงที่แปลกตา ดูคล้ายกรวยซ้อนกันหลาย ๆ อัน จุดเด่นคือ สามารถออกดอกบานสะพรั่งที่สวยงาม

5.โลโฟโฟร่า (Lophophora) สายพันธุ์นี้ไม่มีหนามแหลมออกมา จะมีเพียงตุ่มเล็กๆมีเอกลักษณ์ เด่นชัด อยู่ที่ลำต้นเล็กป้อม รูปทรงกลมอวบ จะคล้ายกับผลไม้ลูกเล็กๆ ทำให้มีความน่ารัก แตกต่างจากสายพันธุ์อื่น

ที่มา: แนะนำพันธุ์ กระบองเพชร ยอดนิยมสำหรับแต่ง สวนแคคตัส [2]

วิธีการปลูกกระบองเพชร และการดูแลรักษา

ขั้นตอนการปลูก

  • การปลูกกระบองเพชร ในกระถาง เพื่อประดับภายในบ้าน ในอาคาร หรือตามสถานที่ต่างๆ โดยจะใช้กระถางรูปทรงและขนาดต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสายพันธุ์
  • ขนาดของกระถาง จะใช้ตั้งแต่ขนาด 4-10 นิ้ว จะใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทรายหรือดินร่วน ในอัตรา 1:1 ผสมในดินที่จะปลูก ส่วนการเปลี่ยนกระถาง จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของชนิดสายพันธุ์ที่ปลูกแต่ถ้าจะให้เจริญเติบโต ที่สวยงามนั้น จะต้องควบคุม เรื่องการใส่ปุ๋ย และน้ำให้ถูกวิธีด้วย
  • การปลูกในแปลง จะปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน แต่จะต้องเป็นชนิดสายพันธุ์ ที่ค่อนข้างใหญ่ และมีความแข็งแรง ขนาดของหลุมที่ปลูก จะอยู่ที่ 30 x 30 x 30 เซนติเมตร จะใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักหรือดินร่วน ในอัตรา 1:3 ในการผสมดินปลูก

วิธีการดูแลรักษา มีดังนี้

  • แสงกับน้ำ : จะต้องการแสงแดดน้อยในที่ร่ม ไปจนถึงแสงแดดในจัดกลางแจ้ง การให้น้ำไม่ต้องให้มาก เพราะกระบองเพชร ต้องการปริมาณน้ำน้อง สามารถทนต่อ ความแห้งแล้งได้นานถึง 7-10 ต่อการรดน้ำ 1 ครั้ง หรือ อาจจะมากกว่านั้น ตามความเหมาะสม
  • ดินกับปุ๋ย : จะต้องเป็นดินร่วนปนทราย มีความชื้นปานกลาง และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ในอัตราการใส่อยู่ที่ 0.5-1 กิโลกรัมต่อต้น จะใส่ 5-6 ครั้งต่อปี
  • การขยายพันธุ์ : จะขยายพืชโดยการใช้เมล็ดกับการปักชำ ซึ่งการปักชำ จะเป็นวิธีที่นิยม และได้ผลดีมากที่สุด
  • แมลงศัตรูพืช : ซึ่งจะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้ เพราะว่ากระบองเพชร เป็นพืชที่ทนทานต่อ การทำลาย ของแมลงศัตรูศัตรูพืช เพราะเป็นไม้ ที่มีความทนทาน ต่อการทำลาย ของศัตรูพืชได้ดี
  • โรคที่เกิดขึ้น : เป็นโรครากเน่า (Sclerotium root rot) จะมีอาการ ลำต้นเหี่ยวกับแคระแกร็น วิธีการป้องกันนั้น ต้องควบคุมการให้น้ำ มีความชื้นอย่างเหมาะสม มีการรักษาโรคนี้โดยการ ตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้งไป หรือทำการปลูกใหม่นั่นเอง

ที่มา: กระบองเพชร [3]

สรุป กระบองเพชร พืชต้นเล็ก ที่มีหนามรอบลำต้น

สรุป กระบองเพชร พืชที่ทนต่อสภาพ อากาศร้อนได้ดี มีความทนทาน และสามารถยืนต้นอยู่ได้ แม้แต่ในทะเลทราย  ได้รับความนิยม ในการปลูกไว้ เพื่อเป็นไม้ประดับ หรือสร้างรายได้ จากการปลูกขาย ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ ของกระบองเพชร เพื่อให้เกิดความหลากหลาย และสวยงาม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง