ดอกกุหลาบ กินได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และผิว

ดอกกุหลาบ

ดอกกุหลาบ ไม่ได้เป็นแค่ดอกไม้ ที่มอบความสวยงามและกลิ่นหอมให้แก่สวนของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นดอกไม้กินได้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสามารถนำมาใช้ในเมนูอาหาร และเครื่องดื่มได้หลากหลาย เนื่องจากดอกกุหลาบอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ

ลดการอักเสบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะนำไปใช้ในการทำแยม เยลลี่ น้ำเชื่อม หรือนำมาตกแต่งขนมหวานและเครื่องดื่ม ดอกกุหลาบก็ช่วยเพิ่มได้ทั้งความสวยงาม และกลิ่นหอมให้กับเมนูของคุณอย่างลงตัว

แนะนำข้อมูล ต้นกุหลาบ 

ชื่อ: กุหลาบ

ชื่อภาษาอังกฤษ: Rose

ชื่อวิทยาศาสตร์: Rosa spp.

ชื่ออื่นๆ: กุหลาบป่า, กุหลาบสวน, กุหลาบหนู (ในบางชนิด) เป็นต้น

วงศ์: Rosaceae

ถิ่นกำเนิด: ทวีปเอเชีย (แต่ปัจจุบันปลูกแพร่หลายทั่วโลก)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นกุหลาบ 

  • กุหลาบ เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นมีความสูงตั้งแต่ 30 ถึง 200 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ โดยลำต้นอาจมีหนามแหลมคม หรือไม่มีหนาม ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของบางสายพันธุ์ เมื่อเป็นลำต้นอ่อนจะมีสีเขียว แต่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อมีอายุมากขึ้น และบางพันธุ์อาจมีเนื้อเยื่อที่แข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี
  • ใบ: ใบของกุหลาบเป็นใบประกอบ (compound leaf) ซึ่งจะมีใบย่อยหลายใบในหนึ่งก้านใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปรี โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย ใบมีสีเขียวสดและมีเนื้อใบนิ่ม ขนาดของใบมีความกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ ๆ ตามก้านและมีหูใบเล็ก ๆ ติดอยู่ที่โคนก้านใบ
  • ดอก: กุหลาบออกดอกเดี่ยว มีก้านดอกยาว โดยดอกจะออกตามปลายกิ่งหรือง่ามใบ ดอกของกุหลาบมีลักษณะพิเศษคือ กลีบดอกจะเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มีประมาณ 4-6 ชั้น กลีบดอกมีจำนวนตั้งแต่ 5 ถึง 15 กลีบขึ้นอยู่กับพันธุ์ โดยขอบกลีบดอกมีลักษณะเรียบและดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ สีของดอกกุหลาบมีหลากหลาย เช่น สีแดง สีขาว สีชมพู สีเหลือง และสีส้ม เป็นต้น ซึ่งแต่ละสีมักสื่อความหมายที่แตกต่างกันไป
  • เส้นผ่านศูนย์กลางของดอก: เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 2-6 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับพันธุ์ ซึ่งดอกกุหลาบที่มีขนาดใหญ่และรูปทรงดอกที่สวยงามมักเป็นที่นิยมในเชิงพาณิชย์
  • เกสร: ดอกกุหลาบมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่รวมกันในดอกเดียวกัน โดยเกสรตัวผู้จะมีก้านเกสรยาวและมีกระจุกอับเรณูสีเหลืองอยู่ที่ปลาย ส่วนเกสรตัวเมียจะมีลักษณะเป็นเกสรอยู่ตรงกลางดอกและเชื่อมต่อกับรังไข่ที่อยู่บริเวณฐานของดอก

ที่มา: กุหลาบ [1]

ทำไมดอกกุหลาบถึงกินได้? คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ที่น่าทึ่ง

  • วิตามิน C และ A ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน: ดอกกุหลาบ มีวิตามิน C ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อผิวที่แข็งแรงกระชับ ส่วนวิตามิน A ช่วยบำรุงสายตา ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิว และลดการอักเสบ โดยเฉพาะในผิวและดวงตา
  • สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ: ดอกกุหลาบ มีโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยป้องกันเซลล์จากอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง การบริโภคดอกกุหลาบจึงช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
  • ช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลอารมณ์: กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบมีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายจิตใจ เป็นที่รู้จักดีในด้านการบำบัดอารมณ์และช่วยลดความเครียด การสูดดมกลิ่นของกุหลาบสามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบ ลดความวิตกกังวล และส่งเสริมการผ่อนคลาย ซึ่งช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น 
  • ช่วยด้านการผ่อนคลาย: การดื่มชากุหลาบหรือการใช้กุหลาบในเมนูอาหารก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจากดอกกุหลาบมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนินในสมอง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • บำรุงผิวพรรณและช่วยลดเลือนริ้วรอย: ดอกกุหลาบ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อการบำรุงผิวพรรณ เช่น วิตามิน C และวิตามิน A ซึ่งสารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอย สารต้านอนุมูลอิสระจะทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระที่มาจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด: ดอกกุหลาบมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด โดยเฉพาะเมื่อชงเป็นชากุหลาบ กลีบดอกกุหลาบมีสารธรรมชาติที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการไม่สบายท้อง
  • ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและบำรุงสุขภาพผิว: ดอกกุหลาบ มีสารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้คงความชุ่มชื้น การดื่มชาดอกกุหลาบหรือนำน้ำกุหลาบมาประยุกต์ใช้ในสกินแคร์ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและลดปัญหาผิวแห้งได้ดี
  • ปรับสมดุลฮอร์โมนและลดอาการตึงเครียดในสตรี: ดอกกุหลาบ มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือรอบเดือน ทำให้ช่วยลดอาการหงุดหงิดและตึงเครียดได้ เมื่อดื่มชากุหลาบหรือใช้น้ำมันหอมระเหยกุหลาบจะช่วยผ่อนคลายจิตใจ
  • ช่วยปกป้องเซลล์สมองและลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์: สารต้านอนุมูลอิสระในดอกกุหลาบ เช่น โพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ มีบทบาทในการช่วยปกป้องเซลล์สมอง ลดการอักเสบในสมองและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์
  • ลดอาการปวดประจำเดือน: ดอกกุหลาบ มีคุณสมบัติช่วยลดการเกร็ง ของกล้ามเนื้อ จึงช่วยบรรเทาอาการ ปวดประจำเดือนได้ โดยเฉพาะการ ดื่มชาดอกกุหลาบ หรือนำน้ำมันกุหลาบมานวดเบาๆ บริเวณหน้าท้อง จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ที่มา: ประโยชน์ของกุหลาบ [2]

ไอเดียการใช้ดอกกุหลาบในเมนูอาหาร และเครื่องดื่ม

  • ขนมอบ: การตกแต่งเค้ก คุกกี้ หรือมาการองด้วยกลีบดอกกุหลาบสดหรือนำมาชุบเกล็ดน้ำตาล จะทำให้ขนมดูมีเสน่ห์และน่าทานยิ่งขึ้น
  • ขนมหวาน: ในเมนูอย่างพานาคอตต้า หรือพุดดิ้ง กลีบดอกกุหลาบสามารถเพิ่มความงามและกลิ่นหอมละมุนที่เข้ากันดีกับขนมหวานได้
  • ค็อกเทล: การวางกลีบดอกกุหลาบลงบนค็อกเทล เช่น โรสแมรี่โรเซ่ หรือจินโทนิก จะทำให้เครื่องดื่มดูพิเศษ และมีกลิ่นหอมช่วยกระตุ้นความสดชื่น
  • บิสกิตและคุกกี้: การใส่น้ำกุหลาบลงในส่วนผสมของบิสกิตหรือคุกกี้จะทำให้ได้รสหอมหวานบางเบา แปลกใหม่จากสูตรเดิม
  • ขนมปัง: ขนมปังกุหลาบ หรือที่รู้จักกันในหลาย ๆ สูตรว่าขนมปังชาโบราณของตะวันออกกลาง ใช้กลิ่นหอมของกุหลาบผสมในแป้งขนมปัง เพิ่มรสชาติให้หอมหวานเข้มข้น
  • แยมกุหลาบ: ใช้กลีบดอกกุหลาบสดหรือน้ำกุหลาบผสมกับน้ำตาลและน้ำมะนาว แล้วเคี่ยวจนได้เนื้อแยมที่เหนียวหนึบ สามารถทาบนขนมปังหรือสโคนเพื่อให้มื้อเช้าดูพิเศษ
  • เยลลี่ดอกกุหลาบ: ทำโดยใช้กลีบดอกกุหลาบหรือน้ำกุหลาบเคี่ยวกับเจลาตินและน้ำตาล ทำให้ได้เยลลี่หวานหอมเหมาะกับการเสิร์ฟกับขนมอบและของหวานอื่น ๆ
  • ชากุหลาบ: นำกลีบดอกกุหลาบแห้งมาต้มในน้ำร้อนประมาณ 5 นาที จนได้น้ำชาสีชมพูอ่อนและกลิ่นหอมจากดอกกุหลาบ เติมน้ำผึ้งหรือมะนาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
  • น้ำเชื่อมดอกกุหลาบ: ทำโดยการเคี่ยวน้ำตาล น้ำ และกลีบดอกกุหลาบ หรือน้ำกุหลาบจนเข้ากันดี สามารถใช้เป็นน้ำเชื่อมสำหรับค็อกเทล หรือเพิ่มในชาร้อนและขนมหวานได้
  • ลิเคียวร์ดอกกุหลาบ: ลิเคียวร์ที่มีกลิ่นกุหลาบเป็นส่วนผสมยอดนิยมในเมนูค็อกเทล ทำโดยผสมน้ำกุหลาบและแอลกอฮอล์ในสัดส่วนที่พอเหมาะ นำไปใช้ผสมในเครื่องดื่มหรือทำขนมหวาน

 

ที่มา: Are Roses Edible? 6 Culinary Uses for Roses [3]

การปลูกและเก็บ ดอกกุหลาบ เพื่อการบริโภค

  • เลือกพันธุ์กุหลาบที่เหมาะสมสำหรับการบริโภค ได้แก่
    • กุหลาบพันธุ์เลดี้เอมม่า แฮมิลตัน(Lady Emma Hamilton): มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้ และสามารถใช้ตกแต่งอาหารได้อย่างสวยงาม
    • กุหลาบพันธุ์หลุยส์ โอดีเยอร์ (Louise Odier): เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับใช้ในการทำแยมและเยลลี่
    • กุหลาบพันธุ์แอมบริคซอน (Ambrequeason): มีดอกสีส้มสดใสและรสหอมหวานที่เหมาะสำหรับการชงชา
  • กุหลาบต้องการดินที่มีการระบายน้ำดี และมีความเป็นกรดเล็กน้อย ควรใช้ดินผสมที่มีอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อเสริมธาตุอาหารและความชุ่มชื้น
  • การเลือกพื้นที่ปลูก: กุหลาบต้องการแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน จึงควรเลือกปลูกในบริเวณที่มีแสงส่องถึงเพียงพอ
  • การรดน้ำ: ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในตอนเช้า เพื่อให้ดินชุ่มชื้นแต่อย่าให้แฉะมากเกินไป การรดน้ำตอนเช้ายังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเชื้อราที่ใบและดอกได้ด้วย
  • การให้ปุ๋ย: กุหลาบต้องการธาตุอาหารที่สมดุลในการเจริญเติบโต โดยเฉพาะไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 4 – 6 สัปดาห์เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี

วิธีการเก็บ ดอกกุหลาบ ให้คงความสด และปลอดภัย

  • เก็บในช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรเก็บดอกกุหลาบในช่วงเช้าหลังจากน้ำค้างเริ่มแห้งแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ดอกยังคงความสดและมีน้ำในดอกมากที่สุด
  • การตัดดอก: ใช้กรรไกรที่สะอาดตัดดอกกุหลาบที่กำลังตูมเล็กน้อย เพื่อให้ดอกบานต่อหลังเก็บเกี่ยว ช่วยรักษาความสดและความหอมได้นานขึ้น
  • การล้างทำความสะอาด: ดอกกุหลาบที่เก็บมาเพื่อการบริโภคควรล้างในน้ำเย็นและทำความสะอาดเบา ๆ เพื่อขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกไป หากต้องการให้ดอกกุหลาบสดนานยิ่งขึ้น สามารถแช่ดอกในน้ำเย็นสักครู่ก่อนนำไปใช้ในอาหาร
  • การจัดเก็บ: ควรเก็บดอกกุหลาบในตู้เย็นและเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด หรือใส่ถุงพลาสติกเพื่อลดการสูญเสียน้ำและรักษาความสด

สรุป ประโยชน์ และการใช้ ดอกกุหลาบ ในเมนูอาหาร และเครื่องดื่ม

สรุป ดอกกุหลาบ ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้สวน หรือแจกันในบ้าน แต่ยังเป็นดอกไม้ที่มอบคุณค่าทางโภชนาการ และประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างเต็มที่ ด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยลดความเครียด บำรุงผิวพรรณ และปรับสมดุลอารมณ์ การนำดอกกุหลาบมาใช้ในเมนูอาหาร และเครื่องดื่มไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอม และรสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพอย่างลงตัว หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้สร้างสรรค์เมนูจากดอกกุหลาบ พร้อมสัมผัสถึงคุณประโยชน์ที่ดอกไม้แห่งความรักนี้มอบให้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

บทความที่น่าสนใจ