ดอกขจร พืชผักสมุนไพร มากคุณค่าทางโภชนาการ
- โอนลี่มี
- 3 views
ดอกขจร หรือผักสลิด ที่ออกดอกคล้ายพวงอุบะ สีเขียวอมเหลืองนี้ มีกลิ่นหอม และยังสามารถ รับประทานได้ เป็นผัก โดยเฉพาะดอกขจรนั้น นิยมนำมาปรุงเป็นอาหาร ได้หลากหลายเมนู อย่างเช่น แกงส้มกุ้งดอกขจร ดอกขจรผัดไข่ เป็นต้น และยังมีสรรพคุณต่างๆ อีกมากมาย ทำให้เราอยากรู้จริงๆ ใช่ไหมว่า ดอกขจรนี้มีดีอย่างไรบ้าง
แนะนำข้อมูล ต้นขจร
ชื่อ: ขจร
ชื่อภาษาอังกฤษ: Cowslip creeper Flower
ชื่ออื่น: ดอกสลิด ผักสลิดคาเลา สลิดป่า ผักสลิด กะจอน ขะจอน หรือผักขิก
ชื่อวิทยาศาสตร์: Telosma minor Craib
วงศ์: Asclepiapaceae
ถิ่นกำเนิด: ในอินโดจีน และจีนตอนใต้
ที่มา: ดอกขจร ผักพื้นบ้านรสชาติอร่อย สรรพคุณก็ใช่ย่อยซะที่ไหน [1]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นขจร
ขจร เป็นไม้เถา ที่มีเถาและกิ่งขนาดเล็ก สามารถเลื้อยพันไปได้ไกลมากถึง 2 – 5 เมตร
ลำต้น: มีลักษณะเป็นเถา และกิ่งนี้มีความกลม ค่อนข้างเหนียวมาก เมื่อมีอายุมากขึ้นเถา จะเปลี่ยนจากสีเขียว เป็นสีน้ำตาลอมเทา ตามยอดแตกเป็นพุ่มแน่นทึบ จนสามารถแผ่ปกคลุมพืชชนิดอื่นๆ ได้
ใบ: มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจ ออกตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆ ใบกว้างราวๆ 4 – 7.5 cm. ยาวราวๆ 6 – 11 cm. ใบมีความบางมากจนเห็นเส้นใบได้ชัดเจน และมีขนอ่อนปกคลุม ก้านใบยาวราวๆ 1.2 – 2 cm.
ดอก: ออกเป็นช่อแบบกระจุก ตามซอกใบหรือโคนก้านใบช่อละประมาณ 10 – 20 ดอก ดอกมีสีเหลือง แกมเขียว และมีกลิ่นหอมแรง โดยเฉพาะในตอนเย็นถึงค่ำ มีกลีบดอก 5 กลีบ มีเกสรเพศผู้ 5 อัน เชื่อมติดกันเอง และเชื่อมติดกับยอดเกสรเพศเมีย โดยปกติจะผลิดอกในช่วง เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
ผล: ผลขจรมีลักษณะ เป็นฝักเรียวยาว ปลายแหลม ผิวเรียบ สีเขียว ภายในประกอบด้วยเมล็ดลักษณะแบน จำนวนมาก โดยมีปุยสีขาว ติดอยู่ที่ปลายเมล็ด ออกผลในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม
ที่มา: สลิด Wikipedia [2]
การขยายพันธุ์ และการปลูก
ขยายพันธุ์:
โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง หรือการปักชำกิ่ง นำมาปลูกลงในแปลงดิน โดยจะสามารถเติบโต ในดินที่มีอากาศถ่ายเท และมีแสงแดดจ้า ให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50×100 cm. ต้นเริ่มเลื้อยทอดยอด ให้ทำหลักปักไว้ ให้เถาเลื้อยขึ้น หรือสามารถพบขึ้นตามป่าดิบ ป่าละเมาะ ป่าเบญจพรรณ และป่าแล้งทั่วไปในแถบอินโดจีน
การปลูก:
ขจร เป็นพืชที่เจริญได้ ในดินแทบทุกชนิดก็ว่าได้ แต่หากเป็นดินร่วนปนทรายจะเจริญเติบโตได้ดีที่สุด การปลูกในฤดูฝน จะเจริญเติบโตได้ดีกว่า จะงอกงามโตเร็วกว่าช่วงเวลาอื่น [3]
ดอกขจร มีสรรพคุณมากมาย ดังต่อไปนี้
- ยอดอ่อน ดอก ผลอ่อน ช่วยบำรุงธาตุ, บำรุงตับ, ปอด, แก้เสมหะเป็นพิษ
- ดอก และยอดใบอ่อน จะมีวิตามินเอสูง จึงมีส่วนช่วย บำรุงสายตาได้
- ดอกขจรช่วยรักษาหวัดได้ เพราะมีวิตามินซีสูง, ช่วยขับเสมหะ, ช่วยแก้ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, ช่วยในการขับถ่ายได้ จากไฟเบอร์, บำรุงฮอร์โมนสตรี หรือขับโลหิตก็ได้, บำรุงตับ และไต
- รากดอกขจร (มีรสเย็น เบื่อ) ช่วยให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา บรรเทาอาการ วิงเวียน คลื่นไส้
คุณค่าทางโภชนาการของ ดอกขจร
คุณค่าของดอกขจร ปริมาณ 100 กรัม มีดังนี้
– พลังงาน 78 กิโลแคลอรี
– น้ำ 80.5 g.
– โปรตีน 5.0 g.
– ไขมัน 1.1 g.
– คาร์โบไฮเดรต 12.1 g.
– ไฟเบอร์ 1.6 g.
– เถ้า 1.3 g.
– แคลเซียม 70 ml.
– ฟอสฟอรัส 90 ml.
– ธาตุเหล็ก 1.0 ml.
– วิตามินเอ 300 microgram
– ไทอามีน 0.10 ml.
– ไรโบฟลาวิน 0.10 ml.
– ไนอะซิน 1.5 ml.
– วิตามินซี 45 ml.
การใช้ประโยชน์จาก ดอกขจร
- ดอกขจร หรือ ผักสลิดนี้ สามารถนำเอายอด และผล มาบริโภคเป็นผักได้ โดยเชื่อกันว่ายอดอ่อนนั้น เป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด
- ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร ทั้งคาวและหวาน เช่นเดียวกันกับ ดอกอัญชัน
- ใช้ประดับตกแต่ง ในงานดอกไม้สด
- เถาของพืช มีความเหนียว และสามารถนำใช้ ต่างเชือกได้
- เนื้อไม้ ใช้ในงานก่อสร้าง ได้เฉพาะในบางกรณี
- ใช้ดอกขจร เป็นยาแผนโบราณ เช่น เป็นยาลดไข้ ยาแก้พิษ ยาสงบประสาท หรือใช้บรรเทาอาการปวดกระดูกสันหลัง
สรุป ดอกขจร พืชสมุนไพรรสชาติหวานอมขม ดีจริงของแท้
สรุป ดอกขจรนั้น เป็นพืชที่ควรค่า แก่การปลูกไว้ เพื่อรับประทานเป็นอาหาร เป็นพืชผักสมุนไพร อีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณ ช่วยรักษาโรคต่างๆ มากมาย ปลูกเลี้ยงง่าย วิธีการเก็บ ก็แค่เพียงล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง ห่อด้วยกระดาษแล้วใส่ถุง หรือกล่องพลาสติก นำไปแช่ในตู้เย็น จะสามารถเก็บไว้ได้นาน รสชาติหวานอมขม ของแท้ ดีจริง
- Tags: ดอกไม้