ดอกขี้เหล็ก ช่วยบำรุงร่างกายและผ่อนคลายจิตใจ

ดอกขี้เหล็ก

ดอกขี้เหล็ก ในด้านโภชนาการและสุขภาพ เนื่องจากมันไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับสวนเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักในฐานะดอกไม้ที่สามารถนำมาบริโภคได้โดยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น วิตามินซีและวิตามินเอ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา และช่วยต้านอนุมูลอิสระ

แนะนำข้อมูล ต้นขี้เหล็ก

ชื่อ: ขี้เหล็ก

ชื่อภาษาอังกฤษ: Cassod tree, Thai copper pod, Siamese cassia

ชื่อวิทยาศาสตร์: Senna siamea (Lam.) Irwin et Barneby

ชื่ออื่นๆ: ขี้เหล็กแก่น (ราชบุรี), ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง, สุราษฎร์ธานี), ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ), ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลาง), ผักจี้ลี้ (ไทยใหญ่, แม่ฮ่องสอน), แมะขี้เหละพะโด (กะเหรี่ยง, แม่ฮ่องสอน), ยะหา (มลายู, ปัตตานี)

วงศ์: Fabaceae (Leguminosae – Caesalpinioideae)

ถิ่นกำเนิด: ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นขี้เหล็ก

  • ลำต้น: ขี้เหล็กเป็นไม้พุ่มหรือยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 5-15 เมตร ลำต้นบิดงอ เปลือกสีเทาเข้ม หรือดำอมเทา มีร่องตามยาว ผิวสาก ทนทานต่อสภาพอากาศ
  • ใบ: ขี้เหล็กมีใบประกอบแบบขนนกสลับบนกิ่ง ยาว 15-25 cm. มีใบย่อย 7-16 คู่ รูปรี โคนและปลายใบมน ใบอ่อนสีแดงเรื่อ ใบแก่สีเขียวเข้ม ขอบใบเรียบ
  • ดอก: ดอกขี้เหล็กออกเป็นช่อ ขนาดใหญ่ที่ปลายกิ่ง ยาว 20-40 cm. แต่ละช่อ มีดอกมากกว่า 10 ดอก สีเหลืองเข้ม โดดเด่น มีกลีบรองดอก 3 – 4 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ ขนาดเมื่อบานเต็มที่ 5 – 4 cm. โดยจะบานจากโคนช่อไปปลายช่อ ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
  • เกสร: ดอกขี้เหล็กมีเกสรตัวผู้ 10 อันพร้อมอับเรณูสีเหลือง และเกสรตัวเมียอยู่กลางดอก เชื่อมกับรังไข่ที่ฐาน สามารถสืบพันธุ์ได้เอง
  • ผล: ผลขี้เหล็กเป็นฝักยาวแบน ฝักอ่อนสีเขียว เปลี่ยนเป็นน้ำตาลเข้มหรือดำเมื่อแก่ กว้าง 5 cm. ยาว 15-25 cm. มีเมล็ด 20-30 เมล็ด ติดผลช่วงสิงหาคม-ตุลาคม
  • เมล็ด: เมล็ดขี้เหล็ก มีรูปร่างรีแบน มีสีน้ำตาลเข้ม มีเปลือกแข็ง และผิวเรียบ ช่วยให้เมล็ด สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อม และพร้อมที่จะงอก เมื่อมีความชื้นที่เหมาะสม

 

ที่มา: ขี้เหล็ก [1]

คุณค่าทางโภชนาการของ ดอกขี้เหล็ก

  • วิตามินซี: ดอกขี้เหล็กมีวิตามินซีสูงถึง 484 มก. ต่อ 100 กรัม ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดและการติดเชื้อ สร้างคอลลาเจนเพื่อผิวแข็งแรง และยังดีต่อหัวใจและหลอดเลือด
  • วิตามินเอ: ดอกขี้เหล็กยังมีวิตามินเอสูงเช่นกัน วิตามินเอช่วยในการบำรุงสายตา การเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง และช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสำคัญมากในการช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง
  • แร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส: ใบและดอกของขี้เหล็กมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ซึ่งแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนฟอสฟอรัสก็มีบทบาทในการช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย
  • สารต้านอนุมูลอิสระ:  ดอกขี้เหล็กมีฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล เช่นเดียวกันกับ ดอกเบญจรงค์ห้าสี ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวาน พร้อมปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
  • ดอกขี้เหล็กมีปริมาณโปรตีนที่เพียงพอสำหรับการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและการฟื้นตัวของร่างกายหลังจากออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรง
  • ไฟเบอร์ (Fiber): ดอกขี้เหล็กยังมีใยอาหารสูง ซึ่งใยอาหารช่วยในการย่อยอาหารและส่งเสริมการทำงานของลำไส้ ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาทางเดินอาหาร และทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดอกขี้เหล็ก สมุนไพรพื้นบ้านที่มีประโยชน์หลากหลาย

  • เสริมภูมิคุ้มกัน: ดอกขี้เหล็กมีวิตามินซีสูง ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงต่อโรคหวัดและการติดเชื้อ
  • บำรุงกระดูกและฟัน: มีคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
  • ดูแลสายตาและผิวพรรณ: วิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระในดอกขี้เหล็ก ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณให้สดใส
  • เป็นยาระบายอ่อน: ดอกขี้เหล็กมีฤทธิ์ช่วยในการบีบตัวของลำไส้ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ
  • ช่วยขับพยาธิ: ในการแพทย์พื้นบ้าน ดอกขี้เหล็กใช้เป็นยาขับพยาธิ ช่วยล้างพิษและทำให้ระบบทางเดินอาหารสะอาดขึ้น
  • บรรเทาอาการโลหิตจาง: ดอกขี้เหล็กมีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง การบริโภคดอกขี้เหล็กจึงอาจช่วยลดอาการโลหิตจางได้
  • ช่วยลดความเครียด: สารบาราคอลที่พบในดอกขี้เหล็กมีฤทธิ์คลายเครียด ช่วยผ่อนคลายจิตใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบหรือผู้ที่มีภาวะความเครียดสะสม
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย: ดอกขี้เหล็กถูกใช้ในตำรับยาพื้นบ้านในการช่วยให้นอนหลับ โดยมักจะใช้ในรูปแบบของชา หรือยาดองเหล้าอ่อน ๆ ที่สามารถดื่มก่อนนอนได้ ทำให้ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับหรือมีความวิตกกังวลในช่วงกลางคืนสามารถนอนหลับได้สบายขึ้น
  • ช่วยในการปรับสมดุลอารมณ์: ดอกขี้เหล็กช่วยในการผ่อนคลายจิตใจ ปรับสมดุลอารมณ์ ทำให้จิตใจสงบ ช่วยลดอาการฟุ้งซ่าน ทำให้มีสมาธิและความสุขในการดำเนินชีวิต
  • บรรเทาอาการวิตกกังวล: การใช้ดอกขี้เหล็กในรูปแบบน้ำมันหอมระเหยหรือชาอุ่น ๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวล ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ที่มา: ขี้เหล็ก งานวิจัยและสรรพคุณ 25 ข้อ [2]

วิธีการเก็บเกี่ยว และเตรียมดอกขี้เหล็กให้พร้อมรับประทาน

การเก็บเกี่ยวดอกขี้เหล็ก

  • เวลาเก็บ: เก็บในช่วงเช้าหลังน้ำค้างแห้ง เพื่อความสด
  • การเลือกดอก: เลือกดอกบานใหม่ สีเหลืองสดใส ไม่มีเชื้อราหรือช้ำ
  • อุปกรณ์: ใช้กรรไกรสะอาดในการตัด เพื่อความปลอดภัย และไม่ให้ดอกช้ำ

การทำความสะอาด

  • ล้างน้ำ: ล้างในน้ำสะอาดหลายครั้ง
  • แช่น้ำเกลือ: แช่น้ำเกลือ 5 – 10 นาที ขจัดสารปนเปื้อน
  • แช่น้ำเย็น: แช่น้ำเย็น เพื่อรักษาความสดและกรอบ

การเตรียมก่อนปรุงอาหาร

  • ต้มเพื่อลดสารพิษ: ต้มดอกขี้เหล็ก 2 – 3 ครั้ง และเทน้ำทิ้ง เพื่อลดความขม และทำให้ปลอดภัย
  • ต้มซ้ำ: ต้มดอกในน้ำเดือด 2 – 3 นาที ซ้ำอีก 2 – 3 รอบ
  • แช่น้ำเย็นหลังต้ม: เพื่อคงความสวยงาม และรสชาติ

การเก็บรักษา

  • ในตู้เย็น: เก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บได้นาน 3 – 5 วัน
  • การแช่แข็ง: ห่อด้วยกระดาษ หรือใส่ถุงพลาสติกปิดสนิท
  • เพื่อเก็บระยะยาว: และคงรสชาติ

เทคนิคการปลูกขี้เหล็กให้ได้ดอกสวย และปลอดภัยสำหรับบริโภค

  • การเลือกพันธุ์และเตรียมดินปลูก: เลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของพื้นที่ ควรเลือกพันธุ์ที่ทนแดดและอากาศร้อนได้ดี เนื่องจากขี้เหล็กเป็นพืชที่ชอบแสงแดด สำหรับดินควรเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี และมีความเป็นกรดเล็กน้อย ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในดิน เพื่อเสริมธาตุอาหารก่อนปลูก
  • เทคนิคการปลูกขี้เหล็กสำหรับผู้เริ่มต้น: เริ่มต้นด้วยการเพาะเมล็ด โดยแช่เมล็ดในน้ำ เพื่อเร่งการงอกก่อน จากนั้นปลูกเมล็ดในดินที่เตรียมไว้ กลบดินบาง ๆ และรดน้ำให้ชุ่ม ระยะปลูกควรเว้นระยะห่างประมาณ 1 – 1.5 เมตร เพื่อให้ต้นขี้เหล็ก มีพื้นที่เพียงพอในการเจริญเติบโต และการแผ่กิ่งก้าน
  • การดูแลรักษา เพื่อให้ได้ดอกสวยและปลอดสารพิษ: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงที่ต้นกำลังเจริญเติบโต แต่ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำตอนเย็น เพื่อลดความเสี่ยงของโรคเชื้อรา ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกทุก 1-2 เดือนเพื่อส่งเสริม การเจริญเติบโตและการออกดอก หลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อให้ดอกปลอดภัย และเหมาะสำหรับการบริโภค ควรตัดแต่งกิ่งที่แห้งหรือไม่สมบูรณ์ออกเพื่อให้ต้นแข็งแรงและมีโอกาสออกดอกที่สวยงามมากขึ้น
  • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี: ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันสะเดาหรือพริกขี้หนูผสมน้ำ ฉีดพ่นบริเวณใบและดอกเพื่อป้องกันการระบาดของศัตรูพืช การปลูกพืชสมุนไพรอื่น ๆ เช่น ตะไคร้หรือใบแมงลักรอบ ๆ ต้นขี้เหล็กก็ช่วยขับไล่ศัตรูพืชบางชนิดได้ เนื่องจากมีกลิ่นที่ศัตรูพืชไม่ชอบ

 

ที่มา: ขี้เหล็ก [3]

สรุป ความสำคัญของ ดอกขี้เหล็ก สมุนไพรที่ควรมีติดบ้าน

สรุป ดอกขี้เหล็ก ไม่เพียงแค่เพิ่ม ความงามให้กับสวน แต่ยังเป็นสมุนไพรที่มี คุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ตั้งแต่การบำรุงสุขภาพ ไปจนถึงการช่วยผ่อนคลายจิตใจ ด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ทำให้ดอกขี้เหล็ก กลายเป็นทางเลือกที่ดี ในการเสริมภูมิคุ้มกัน และดูแลสุขภาพ ได้อย่างธรรมชาติ 

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง