ดอกแนสเตอร์เดียม ดอกไม้กินได้ ที่ให้วิตามินสูง

ดอกแนสเตอร์เดียม

ดอกแนสเตอร์เดียม (Tropaeolum majus) เป็นไม้ดอกอายุสั้นที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งในด้านความสวยงามและคุณค่าทางโภชนาการ โดดเด่นด้วยดอกไม้ที่มีสีสันสดใส เช่น สีเหลือง สีส้ม สีแดง ซึ่งช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับสวนเล็กๆ ที่บ้าน อีกทั้ง ดอกแนสเตอร์เตียมยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย มีทั้งชนิดเลื้อยที่สามารถเกาะตามโครงสร้างต่างๆ และชนิดพุ่มที่เหมาะสำหรับการปลูกเป็นพืชคลุมดิน 

แนะนำข้อมูล ดอกแนสเตอร์เดียม

ชื่อ: ดอกแนสเตอร์เดียม

ชื่อภาษาอังกฤษ: Garden Nasturtium, Indian Cress, Monk’s Cress

ชื่อวิทยาศาสตร์: Tropaeolum majus L.

ชื่ออื่นๆ: Nasturtium, Indian Cress

วงศ์: Tropaeolaceae

ถิ่นกำเนิด: เทือกเขาแอนดีส ตั้งแต่โบลิเวียจนถึงโคลอมเบีย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ดอกแนสเตอร์เดียม

  • ประเภท: เป็นไม้ดอกอายุสั้น มีทั้งชนิดเลื้อยที่สามารถเกาะเกี่ยวและแผ่กิ่งก้านไปตามโครงสร้างต่างๆ และชนิดพุ่มขนาดเล็กที่สามารถปลูกให้มีลักษณะเป็นทรงพุ่มแน่นได้ เหมาะสำหรับการตกแต่งสวนและใช้เป็นพืชคลุมดิน
  • ความสูง: มีความสูงตั้งแต่ 20 ถึง 1 เมตร ขึ้นอยู่กับชนิดและสภาพแวดล้อมในการปลูก พืชเลื้อยอาจยาวขึ้นไปถึง 1.8 เมตรเมื่อได้รับโครงสร้างสำหรับการปีนป่าย
  • ลำต้น: มีลำต้นเลื้อยหรือตั้งตรงซึ่งสามารถยาวได้ถึง 9 – 1.8 เมตร ลำต้นเป็นสีเขียวและอ่อน สามารถยืดหยุ่นได้สูง ช่วยให้พืชสามารถแผ่ขยายได้ทั้งในแนวราบและแนวดิ่งเมื่อต้องการปีนป่าย
  • ใบ: เป็นรูปหลายเหลี่ยมค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางของใบมีขนาดประมาณ 3-15 เซนติเมตร โดยมีขนาดใหญ่ในพืชที่มีการเจริญเติบโตที่ดี มีสีเขียวสดหรืออาจมีลวดลายด่างขาวในบางพันธุ์ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความสวยงามให้กับต้นพืช ใบของแนสเตอร์เตียมยังแสดงปรากฏการณ์ “Lotus Effect” โดยน้ำที่ตกลงบนผิวใบจะจับตัวกันเป็นหยดน้ำและกลิ้งออกไป ช่วยให้ใบสะอาดอยู่เสมอ
  • ดอก: ออกดอกตามซอกใบ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-6 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดและสภาพแวดล้อมที่ปลูก กลีบดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปช้อน สีของดอกมีความหลากหลาย ได้แก่ สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีครีม ดอกยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เพิ่มความสดชื่นและความน่าสนใจในสวน เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Elisabeth Linnæus Phenomenon” โดยเฉพาะดอกสีส้มจะดูเหมือนกะพริบในช่วงเย็นหรือที่แสงน้อย เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการสะท้อนแสงและความแตกต่างของสีระหว่างดอกกับใบ
  • ผล: ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปกลม ประกอบด้วย 3 พู แต่ละพูจะมีเมล็ดขนาดใหญ่ 1 เมล็ด ซึ่งมีขนาดประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร เมล็ดมีเปลือกแข็ง ช่วยป้องกันเมล็ดจากสภาพแวดล้อมภายนอก
  • ราก: ระบบรากลึกที่สามารถดูดซึมความชื้นจากดินได้ดี ทำให้พืชสามารถทนทานต่อสภาวะแล้งได้พอสมควร

 

ที่มา: แนสเตอร์เตียม  [1]  

คุณสมบัติเด่นของ ดอกแนสเตอร์เตียม ดอกไม้กินได้ที่เพิ่มรสชาติในทุกจาน

ดอกแนสเตอร์เดียม นอกจากจะเป็นดอกไม้สีสันสวยงามที่เพิ่มความสดใสให้กับสวนแล้ว ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้สามารถใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารได้หลากหลาย ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกแนสเตอร์เตียมจึงกลายเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใส่ในสลัด ซุป หรือแม้แต่ใช้ตกแต่งอาหารเพื่อเพิ่มสีสันและมิติของรสชาติ เพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ

  • รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์: หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของดอกแนสเตอร์เตียมคือรสชาติที่เผ็ดนุ่มนวลคล้ายกับวอเตอร์เครส รสเผ็ดเบาๆ นี้ช่วยให้ดอกแนสเตอร์เตียมสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการเพิ่มรสชาติให้กับเมนูได้โดยไม่ทำให้รสชาติหลักของจานอาหารนั้นเสียไป นอกจากนี้ ความเผ็ดแบบนุ่มนวลนี้ยังช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเบาๆ แต่มีรสชาติน่าสนใจ
  • ความสามารถในการนำไปใช้ในอาหารได้หลากหลาย: ดอกแนสเตอร์เตียมมีความหลากหลายในการใช้ในเมนูอาหารที่ไม่จำกัดแค่สลัดเท่านั้น ใบและดอกสดสามารถนำมาใส่ในสลัดเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ ในขณะที่เมล็ดหรือผลของดอกแนสเตอร์เตียมสามารถนำมาดองในน้ำส้มสายชูและใช้แทนเคเปอร์ได้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูที่ต้องการรสเปรี้ยวเผ็ดแบบเบาๆ 
  • เหมาะสำหรับการตกแต่งจานอาหาร: ช่วยให้เมนูดูสดใสและน่าทานยิ่งขึ้น เนื่องจากสีของดอกแนสเตอร์เตียมมีความโดดเด่น เช่น สีส้ม สีเหลือง และสีแดง ทำให้อาหารดูมีชีวิตชีวา ดอกนี้ยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในซุปหรือพาสต้าที่ต้องการเพิ่มความหอมอ่อนๆ ที่ไม่กลบกลิ่นของส่วนผสมหลักในจานอาหาร

คุณค่าทางโภชนาการของ ดอกแนสเตอร์เดียม

  • วิตามินซีสูงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสุขภาพ: ดอกแนสเตอร์เตียมมีปริมาณวิตามินซีสูงถึง 130 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณวิตามินซีในผักชีฝรั่ง ซึ่งวิตามินซีเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ เสริมการสร้างคอลลาเจน และป้องกันโรคหวัดได้ดี การรับประทานดอกแนสเตอร์เตียมสดๆ จึงเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้กับร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  • ลูทีน สารอาหารเพื่อดวงตาที่สำคัญ: นึ่งในสารอาหารที่มีประโยชน์และหาได้ยากในพืชทั่วไป แต่พบมากในดอกแนสเตอร์เตียม คือ ลูทีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องดวงตา ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม โดยลูทีนในดอกแนสเตอร์เตียมมีปริมาณสูงที่สุดเมื่อเทียบกับพืชที่กินได้ทั่วไป การรับประทานดอกแนสเตอร์เตียมจึงเป็นวิธีที่ดีในการบำรุงสายตาและป้องกันปัญหาทางสายตาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • สารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์และเสริมสร้างสุขภาพ: ดอกแนสเตอร์เตียมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งอนุมูลอิสระเป็นปัจจัยที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพและอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเรื้อรังอื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระในดอกแนสเตอร์เตียมจะช่วยปกป้องเซลล์จากความเสื่อมสภาพและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่มาจากการอักเสบภายในร่างกาย ทำให้การรับประทานดอกแนสเตอร์เตียมสามารถเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงได้อย่างดี
  • ประโยชน์ทางสุขภาพอื่นๆ: นอกจากคุณค่าทางโภชนาการหลักที่ได้กล่าวมาแล้ว ดอกแนสเตอร์เตียมยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย มีฤทธิ์ช่วยขับลม และสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น สลัด พาสต้า และซุป ทั้งหมดนี้ทำให้ดอกแนสเตอร์เตียมเป็นดอกไม้กินได้ที่ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม แต่ยังให้ประโยชน์ทางโภชนาการที่หลากหลาย ทำให้เมนูอาหารที่ใส่ดอกไม้ชนิดนี้ไม่เพียงน่าทาน แต่ยังดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

ที่มา: Nasturtium [2]

ประโยชน์ทางยาของดอกแนสเตอร์เดียม

  • การใช้รักษาโรคทางเดินปัสสาวะและอาการติดเชื้อ: หนึ่งในประโยชน์ทางยาที่สำคัญของดอกแนสเตอร์เตียมคือการช่วยบรรเทาและรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ด้วยสรรพคุณที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ดอกไม้ชนิดนี้เป็นที่นิยมในการใช้เป็นสมุนไพรเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาการปวดและแสบขณะปัสสาวะ และยังช่วยลดอาการบวมและการอักเสบในระบบปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์: ดอกแนสเตอร์เตียมมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์หลากหลายชนิด ทำให้สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียได้ เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และผิวหนัง โดยสารในดอกแนสเตอร์เตียมมีคุณสมบัติในการทำลายแบคทีเรียและช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยลดอาการติดเชื้อและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • การใช้งานในยุโรปและอเมริกาใต้: ในยุโรปและอเมริกาใต้ ดอกแนสเตอร์เตียมได้รับการยอมรับ อย่างกว้างขวางในฐานะสมุนไพรธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสุขภาพและป้องกันโรคต่างๆ คนพื้นเมืองในแถบอเมริกาใต้ เช่น ชนเผ่าพื้นเมืองในเทือกเขาแอนดีส ได้นำดอกแนสเตอร์เตียมมาใช้รักษาอาการติดเชื้อหลายชนิด เช่น การติดเชื้อในช่องปากและการติดเชื้อที่ผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติในการต้านเชื้อ และช่วยลดการอักเสบ ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรค   และมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น 

การปลูกดอกแนสเตอร์เดียมในสวน ได้ทั้งความสวยงามและดอกไม้กินได้

  • การเตรียมดิน: ดอกแนสเตอร์เตียมชอบดินร่วนปนทรายที่มีความสมบูรณ์ไม่สูงมาก เพราะจะช่วยให้ดอกออกสวยงามและดกยิ่งขึ้น หากดินมีธาตุอาหารสูงเกินไป ต้นจะให้ใบหนาแน่นแต่ดอกน้อยลง ควรเลือกดินที่มีการระบายน้ำดีเพื่อป้องกันการรากเน่าและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากความชื้นสะสม
  • การเลือกตำแหน่งปลูก:แนสเตอร์เตียมต้องการแสงแดดเต็มวันเพื่อการเติบโตที่ดีที่สุด แต่หากอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัด ควรปลูกในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดบางส่วนในช่วงเช้าและบ่าย อย่างไรก็ตาม พืชชนิดนี้สามารถทนต่ออากาศเย็นได้ดี จึงเหมาะสำหรับการปลูกในสวนเล็กๆ ที่บ้าน
  • การปลูกจากเมล็ดการปลูกดอกแนสเตอร์เดียมเริ่มจากเมล็ด โดยเพาะเมล็ดลงในกระถางหรือพื้นที่ปลูกโดยตรงโดยไม่ต้องย้ายกล้า เพราะต้นกล้าค่อนข้างบอบบาง ควรกลบเมล็ดด้วยดินบางๆ แล้ววางกระถางหรือภาชนะในที่มีแสงรำไร เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 10 – 14 วัน และจะออกดอกภายใน 70 วัน
  • การรดน้ำ: ดอกแนสเตอร์เตียมต้องการน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ การรดน้ำควรรดเมื่อหน้าดินเริ่มแห้ง และหลีกเลี่ยงการรดน้ำจนเปียกโชกเพื่อป้องกันรากเน่า สำหรับสายพันธุ์ที่เลื้อย จะต้องการน้ำมากกว่าพันธุ์พุ่มเล็กน้อย
  • การตัดแต่ง: แม้แนสเตอร์เตียมจะไม่ต้องการการดูแลที่ซับซ้อน แต่การตัดแต่งกิ่งและใบที่เหี่ยวหรือเสียหายจะช่วยให้พืชดูสดใสอยู่เสมอ และยังช่วยกระตุ้นการออกดอกให้ดกยิ่งขึ้น การตัดแต่งควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นดูเรียบร้อยและสวยงาม
  • การควบคุมศัตรูพืช: แนสเตอร์เตียมเป็นพืชที่มักจะดึงดูดแมลงบางชนิด เช่น หนอนและเพลี้ย แต่ด้วยความที่พืชชนิดนี้สามารถทนต่อการโจมตีของศัตรูพืชได้ค่อนข้างดี วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันคือการตรวจสอบต้นอย่างสม่ำเสมอ และใช้วิธีธรรมชาติในการกำจัดศัตรูพืช เช่น การล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ

ที่มา: How to Grow and Care for Garden nasturtium [3]

สรุป ดอกแนสเตอร์เดียม ได้ทั้งความสวยงาม และคุณค่าทางสุขภาพ

ดอกแนสเตอร์เดียม

สรุป ดอกแนสเตอร์เดียม ไม่เพียงแต่เติมเต็มความสวยงาม ให้กับสวนของคุณ แต่ยังมอบคุณค่า ทางโภชนาการ และรสชาติที่แปลกใหม่ ให้กับเมนูอาหาร ไม่ว่าคุณจะใช้ดอกสดในการตกแต่งจาน สร้างสรรค์สลัดที่มีสีสัน หรือนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงยังสามารถเป็นได้ทั้งอาหาร และสมุนไพรที่เสริมสุขภาพให้คุณอย่างสมบูรณ์ การปลูกและดูแลก็ไม่ยาก คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับพืชสวยงามนี้ได้ตลอดทั้งปี 

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง