รู้จัก ดอกไวโอเล็ต กินมีประโยชน์มากกว่าความสวย
- โอนลี่มี
- 4 views
ดอกไวโอเล็ต (Viola odorata) ไม่ได้เป็นเพียง ดอกไม้สวยงามที่นิยมปลูก เพื่อเพิ่มสีสันในสวน หรือประดับจานอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นดอกไม้ ที่อุดมไปด้วยคุณค่า ทางโภชนาการ และสรรพคุณหลากหลาย ซึ่งสามารถนำมา รับประทานได้อย่างปลอดภัย ด้วยสีม่วงสดใส และกลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ดอกไวโอเล็ต กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
ในกลุ่มคนรักสุขภาพ และผู้ที่หลงใหล ในการสร้างสรรค์เมนูอาหารหรือเครื่องดื่ม โดยดอกไม้นี้ สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งจานอาหาร การทำแยม ซอส หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มสมุนไพร นอกจากนี้ ไวโอเล็ตยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามิน C และ A รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และบำรุงผิวพรรณอีกด้วย
ทำความรู้จักกับ ดอกไวโอเล็ต ดอกไม้ที่มากกว่าความสวยงาม
- ดอกไม้สวยงามที่มีคุณค่าทางอาหาร: ไวโอเล็ตไม่ใช่แค่ดอกไม้สวยงาม แต่ยังเป็นดอกไม้ที่สามารถรับประทานได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันความนิยมในการบริโภคดอกไม้ในอาหารเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในหมู่คนรักสุขภาพ ดอกไม้เหล่านี้สามารถเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมในจานอาหารได้อย่างลงตัว ดอกไวโอเล็ตจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มสีสันและความสดชื่นให้กับอาหาร ไม่ว่าจะเป็นในเมนูขนมหวาน เครื่องดื่ม หรืออาหารจานหลัก นอกจากความสวยงาม ดอกไวโอเล็ตยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน C และ A ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
- ความนิยมในการใช้ดอกไม้ในอาหาร: ในปัจจุบัน การใช้ดอกไม้ในการประกอบอาหารกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นการจัดจานขนมหวาน การทำเครื่องดื่ม หรือการประดับตกแต่งจานอาหารให้ดูสวยงามและน่ารับประทานมากขึ้น ดอกไม้หลายชนิดถูกนำมาใช้ในลักษณะนี้เช่น ดอกแพนซี ดอกลาเวนเดอร์ และแน่นอนว่าดอกไวโอเล็ตก็เป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ถูกเลือกใช้บ่อยๆ เนื่องจากมีสีสันสดใส กลิ่นหอมที่โดดเด่น และยังสามารถเพิ่มมิติด้านรสชาติให้กับอาหารได้
- ส่วนผสมในอาหาร: ไวโอเล็ตยังสามารถใช้เป็นส่วนผสมในอาหารได้หลากหลายวิธีเช่น ทำเป็นน้ำเชื่อมสำหรับเติมลงในเครื่องดื่ม ทำแยม หรือใช้ในการแต่งหน้าเค้ก และขนมหวานอื่นๆ ทำให้ดอกไม้นี้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายและสร้างสรรค์ในการทำอาหาร [1]
ประโยชน์ทางโภชนาการของ ดอกไวโอเล็ต
- วิตามิน C สูง: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถป้องกันเชื้อโรคและไวรัสได้ดีขึ้น มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่จำเป็นต่อผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดูสดใสและยืดหยุ่น
- วิตามิน A: เป็นสารที่ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางสายตาอย่าง ต้อกระจก และการเสื่อมสภาพของจอประสาทตา ช่วยในการสร้างและฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและชุ่มชื้น
- สารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระที่อาจทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมโทรม ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังบางชนิดเช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน
- บำรุงผิวพรรณ: ดอกไวโอเล็ตมีสารที่ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสและลดอาการอักเสบจากสิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์
- บรรเทาอาการอักเสบ: มีสรรพคุณทางสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ทำให้สามารถใช้ดอกไวโอเล็ตเป็นส่วนผสมในชาหรือยาต้มเพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบ
- ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์: สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากปัจจัยภายนอกเช่น แสงแดด และมลภาวะ ซึ่งอาจทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง: อนุมูลอิสระที่สะสมในร่างกายมากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในดอกไวโอเล็ตมีบทบาทในการช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ
- เสริมสุขภาพหัวใจ: การบริโภคสารต้านอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการเกิดโรคหัวใจ [2]
การนำดอกไวโอเล็ตไปใช้ในอาหาร และเครื่องดื่ม
- ตกแต่งจานอาหาร: นำดอกไวโอเล็ตมาตกแต่งจานเพื่อเพิ่มความสวยงาม โดยเฉพาะจานขนมหวาน หรือพุดดิ้ง สามารถจัดเรียงดอกไวโอเล็ตเล็กน้อยบนจานอาหารคาวเพื่อให้จานดูมีสีสันอย่าง สลัดหรืออาหารจานเย็น
- การทำแยมไวโอเล็ต: ดอกไวโอเล็ตสามารถนำมาทำเป็นแยมได้ โดยผสมกับน้ำตาลและน้ำเล็กน้อยแล้วเคี่ยวจนได้แยมที่มีกลิ่นหอมหวาน แยมไวโอเล็ตเหมาะสำหรับทาขนมปัง โยเกิร์ต หรือใช้เป็นซอสหวานสำหรับขนมหวานต่าง ๆ
- ซอสไวโอเล็ต: ใช้ดอกไวโอเล็ตในการทำซอสเพื่อเสริมรสชาติให้กับจานอาหาร โดยเฉพาะอาหารหวานเช่น ซอสสำหรับราดไอศกรีมหรือพาย สามารถผสมไวโอเล็ตเข้ากับน้ำผึ้งและน้ำเลมอนเพื่อสร้างซอสที่สดชื่นและหอมหวาน
- ชาไวโอเล็ต: นำดอกไวโอเล็ตแห้งมาต้มกับน้ำร้อน ทำเป็นชาดอกไวโอเล็ตที่มีรสชาติหอมหวานอ่อน ๆ และสีสวยงาม ชาดอกไวโอเล็ตมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด และเพิ่มความสดชื่น
- ค็อกเทลไวโอเล็ต: ดอกไวโอเล็ตสามารถใช้เป็นส่วนผสมหรือเครื่องตกแต่งในค็อกเทล เพื่อเพิ่มสีสันและกลิ่นหอม ลองทำค็อกเทลไวโอเล็ตโดยใช้ส่วนผสมอย่างจินหรือน้ำผลไม้และเพิ่มดอกไวโอเล็ตลงไปเพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับเครื่องดื่ม
- เครื่องดื่มสมุนไพรไวโอเล็ต: นำดอกไวโอเล็ตผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เช่น เลมอนหรือ อัญชัน เพื่อทำเครื่องดื่มสมุนไพรที่ช่วยบำรุงสุขภาพและเพิ่มความสดชื่น สามารถผสมไวโอเล็ตในน้ำผึ้งและเติมน้ำเย็นเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มเย็นที่เหมาะสำหรับฤดูร้อน [3]
คำแนะนำ ในการรับประทาน ดอกไวโอเล็ต อย่างปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงดอกไม้จากแหล่งที่ไม่ได้ควบคุมสารเคมีตกค้าง: ดอกไวโอเล็ตที่เก็บจากแหล่งธรรมชาติ เช่น บริเวณสวนสาธารณะหรือพื้นที่ที่ไม่ได้ควบคุม อาจมีสารเคมีจากยาฆ่าแมลง สารกำจัดศัตรูพืช หรือมลภาวะจากรถยนต์ตกค้างอยู่ เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการเก็บดอกไม้จากแหล่งที่ไม่ได้ควบคุมและบริเวณใกล้ถนนหรือพื้นที่อุตสาหกรรมที่อาจมีมลพิษทางอากาศสูง
- การปนเปื้อนจากสัตว์และสิ่งแวดล้อม: ดอกไม้ในธรรมชาติอาจปนเปื้อนด้วยเศษสิ่งสกปรกจากสัตว์ป่า เช่น มูลสัตว์ หรือเชื้อโรคจากแมลงที่อาจเป็นพาหะของโรค ควรเลือกเก็บจากแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแบบนี้
- เลือกเก็บจากแหล่งที่ห่างไกลจากการใช้สารเคมี: หากจำเป็นต้องเก็บดอกไม้จากธรรมชาติ ควรเลือกแหล่งที่ห่างจากถนน พื้นที่การเกษตร หรือสวนที่มีการใช้ยาฆ่าแมลง เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารเคมีตกค้าง
- เลือกซื้อจากร้านค้าดอกไม้สำหรับการบริโภค: ควรซื้อดอกไวโอเล็ตจากร้านค้าที่ระบุว่าดอกไม้ปลอดสารพิษและสำหรับการบริโภคโดยเฉพาะ เพราะร้านค้าเหล่านี้จะมีกระบวนการปลูกและดูแลที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการซื้อดอกไม้จากร้านค้าทั่วไปที่อาจไม่ได้ผ่านการตรวจสอบเพื่อการบริโภค และเลือกเฉพาะร้านที่มีการรับรองคุณภาพ
- ตรวจสอบฉลากและข้อมูลผลิตภัณฑ์: ตรวจสอบฉลากหรือสอบถามข้อมูลจากผู้ขายเกี่ยวกับแหล่งที่มา กระบวนการปลูก และวิธีการดูแลรักษาดอกไม้ เลือกดอกไม้ที่มีฉลากรับรองว่าเป็นเกรดสำหรับการบริโภค (edible grade) และผ่านการตรวจสอบจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
- เลือกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค: หากเป็นไปได้ ควรเลือกดอกไม้ที่มาจากฟาร์มออร์แกนิคซึ่งไม่มีการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงในกระบวนการเพาะปลูก ดอกไม้จากฟาร์มออร์แกนิคมักจะมีความปลอดภัยสูงกว่าเนื่องจากกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
วิธีปลูกดอกไวโอเล็ตเองที่บ้าน เพื่อใช้ในการบริโภค
- เลือกสายพันธุ์ที่ปลอดภัย: ควรเลือกสายพันธุ์ Viola odorata ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยสำหรับการบริโภค เนื่องจากบางสายพันธุ์อาจมีสารประกอบที่ไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภค หลีกเลี่ยงการปลูกสายพันธุ์ดอกไม้ที่ไม่ทราบที่มาหรือไม่มีการยืนยันว่าเหมาะสมสำหรับการนำมารับประทาน
- ซื้อเมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้: หาซื้อเมล็ดพันธุ์จากศูนย์จำหน่ายที่มีการรับรองคุณภาพหรือฟาร์มออร์แกนิค ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเมล็ดพันธุ์ปลอดจากสารเคมี ตรวจสอบฉลากและข้อมูลจากผู้ขายเพื่อยืนยันว่าเมล็ดพันธุ์เป็นเกรดสำหรับการบริโภคหรือการปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือน
- การเตรียมดินที่เหมาะสม: ดินที่ใช้ปลูกดอกไวโอเล็ตควรเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี มีอินทรีย์วัตถุผสมเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักธรรมชาติ ควรทำการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยธรรมชาติอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตที่ดีของดอกไม้และช่วยให้ดอกไม้ออกดอกที่มีคุณภาพสูง
- การดูแลดอกไม้โดยไม่ใช้สารเคมี: หลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีในการปลูกและดูแลดอกไวโอเล็ต เลือกใช้วิธีธรรมชาติในการป้องกันแมลง เช่น การใช้สมุนไพรที่เป็นสารไล่แมลงอย่างน้ำกระเทียมหรือน้ำสะระแหน่ การใช้แผ่นปิดกันแมลงหรือการทำคอกไม้เล็ก ๆ รอบต้นไวโอเล็ตเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันแมลงได้
- การรดน้ำและการดูแลความชื้น: ดอกไวโอเล็ตชอบความชื้นในระดับปานกลาง ควรรดน้ำให้ดินชุ่มพอประมาณ แต่ระวังอย่ารดน้ำมากจนดินแฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าได้ ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้นานขึ้นและป้องกันการระเหยของน้ำในอากาศร้อน
- เก็บดอกไม้ในเวลาที่เหมาะสม: ควรเก็บดอกไวโอเล็ตในช่วงเช้าหรือเย็นเมื่ออุณหภูมิไม่สูงเกินไป เพราะจะช่วยให้ดอกไม้คงความสดและไม่สูญเสียคุณค่าทางอาหาร เมื่อดอกบานเต็มที่แล้ว สามารถเก็บมาใช้ในการปรุงอาหารหรือตกแต่งจานอาหารได้ทันที เพื่อรักษาความสดและกลิ่นหอมของดอกไม้
- ล้างและเตรียมการจัดเก็บ: หลังจากเก็บดอกไม้ ควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำเย็นอย่างระมัดระวัง เพื่อกำจัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อาจติดมากับดอกไม้ หากต้องการเก็บรักษาดอกไม้ไว้ใช้ในภายหลัง ควรเก็บไว้ในภาชนะปิดมิดชิด เช่น กล่องพลาสติกที่มีฝาปิดสนิท และเก็บในตู้เย็นเพื่อคงความสดใหม่
วิธีการเก็บรักษา ดอกไวโอเล็ต ให้คงความสด และคุณค่าทางอาหาร
- เก็บในตู้เย็นในภาชนะที่ปิดมิดชิด: หลังจากเก็บดอกไวโอเล็ต ควรนำใส่ในภาชนะที่ปิดมิดชิด เช่น กล่องเก็บอาหารแบบมีฝาปิดหรือถุงซิปล็อก เพื่อป้องกันการสัมผัสกับอากาศและชะลอการเหี่ยวแห้ง วางภาชนะที่บรรจุดอกไม้ในช่องเย็นเพื่อรักษาความสด ซึ่งจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้ถึง 3-5 วัน
- การใช้กระดาษชื้น: ห่อดอกไวโอเล็ตด้วยกระดาษชื้นเล็กน้อยก่อนใส่ภาชนะ ช่วยให้ดอกไม้อยู่ในสภาพที่ชุ่มชื้นและไม่เหี่ยวแห้ง ระวังไม่ให้กระดาษเปียกจนเกินไป เพราะอาจทำให้ดอกไม้เน่าได้ ควรห่อให้กระดาษพอชื้นแค่เล็กน้อย
- การทำดอกไวโอเล็ตแห้ง: ดอกไวโอเล็ตสามารถทำให้แห้งโดยการวางเรียงบนกระดาษรองอบในที่แห้งและมีลมถ่ายเทดี โดยไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรง หลังจากดอกไม้แห้งแล้ว สามารถเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิดและเก็บในที่แห้ง จะช่วยให้ดอกไม้นำไปใช้ในอาหารหรือเครื่องดื่มได้ยาวนานขึ้น
- การทำเป็นน้ำเชื่อมดอกไวโอเล็ต: ทำเป็นน้ำเชื่อมโดยต้มดอกไวโอเล็ตกับน้ำและน้ำตาลในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วกรองเอากลีบดอกไม้ออก เก็บน้ำเชื่อมในขวดแก้วที่ปิดสนิท น้ำเชื่อมดอกไวโอเล็ตนี้สามารถเก็บในตู้เย็นและใช้เป็นส่วนผสมในขนมหรือเครื่องดื่มได้หลากหลายเมนู
- เก็บรักษาในที่เย็นและมืด: ดอกไวโอเล็ตมีสีสันที่อาจซีดจางได้ง่ายเมื่อโดนแสงแดดโดยตรง ควรเก็บในที่มืดและเย็น เช่น ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิคงที่ หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ร้อนหรือใกล้แหล่งความร้อน เพราะอาจทำให้สีและกลิ่นของดอกไม้เสื่อมสภาพลง
- ใช้กรดธรรมชาติเพื่อรักษาสี: สามารถใส่น้ำมะนาวเล็กน้อยเมื่อนำดอกไวโอเล็ตไปใช้ในน้ำเชื่อมหรือชาดอกไม้ เพื่อช่วยรักษาสีสันสดใสของดอกไม้ การใช้น้ำมะนาวเล็กน้อยยังช่วยเสริมกลิ่นหอมของดอกไวโอเล็ตให้สดชื่นขึ้น
- การบรรจุในถุงสุญญากาศ: หากต้องการเก็บรักษาดอกไม้นานขึ้น ควรใช้ถุงสุญญากาศในการเก็บ เพื่อป้องกันการสูญเสียกลิ่นหอมและป้องกันอากาศซึ่งอาจทำให้ดอกไม้แห้งเหี่ยว
สรุป ดอกไวโอเล็ต ประโยชน์ของ ดอกไม้ที่มากกว่าความสวยงาม
ดอกไวโอเล็ต เป็นมากกว่าดอกไม้ที่มีความสวยงาม เพราะยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ หรือช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ นอกจากนี้ไวโอเล็ตยังเป็นดอกไม้ที่ใช้ได้หลากหลายในการทำอาหารและเครื่องดื่ม ช่วยเพิ่มสีสัน กลิ่นหอม และความสดชื่นให้กับจานอาหารของคุณ
- Tags: ดอกไม้