แก้วมังกร ผลไม้เนื้อหวาน กับสายพันธุ์ที่นิยมปลูก

แก้วมังกร

แก้วมังกร เป็นผลไม้ยอดนิยมที่รับประทาน และปลูกกันมาก ในประเทศไทย จัดอยู่ในวงศ์ Cactaceae ซึ่งเป็นวงศ์ตระกูลเดียว กับ กระบองเพชร มีกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก กับอเมริกากลาง สามารถปลูกได้ดีในทุกสภาพพื้นที่ มีรสชาติหวาน อุดมไปด้วย คุณประโยชน์มากมาย

แนะนำสายพันธุ์ แก้วมังกรที่นิยมปลูก

ปัจจุบันชาวเกษตรกร นิยมปลูกแก้วมังกร กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากปลูกง่าย แถมยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย ซึ่งจะมีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน มีรสชาติที่หวานอร่อย รับประทานได้ทั้งทุกเพศทุกวัย เหมาะสำหรับคน ที่ดูแลสุขภาพอย่างยิ่ง

แก้วมังกรกับสายพันธุ์ที่ชาวเกษตรกรนิยมปลูก

สวนเกษตรกรปัจจุบัน จะมีการผลิตแก้วมังกร 3 สายพันธุ์ด้วยกัน ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ จะมีลักษณะ และรสชาติ ของแก้วมังกร ที่แตกต่างกัน อย่างไรบ้างนั้น มีดังต่อไปนี้

  • สายพันธุ์เนื้อ สีขาวเปลือกแดง : เรียกอีกอย่างว่าพันธุ์เวียดนาม ถือเป็นที่นิยมของท้องตลาด เนื่องจากมีรสชาติ ที่จะออกอมหวานอมเปรี้ยว เนื้อมีความกรอบกว่า เนื้อสีขาว เปลือกผลจะสีชมพูสด ติดผลง่าย ใช้ระยะเวลาในการปลูก ที่โตได้รวดเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่เม็ดจะมีกลิ่นเหม็นเขียว
  • สายพันธุ์เนื้อ สีขาวเปลือกเหลือง : หรือที่เรียกกัน ว่าพันธุ์อิสราเอล ผลจะมีขนาดเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆ รสชาติหวานมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อสีขาว เปลือกผลจะสีเหลือง เมล็ดขนาดใหญ่ เติบโตช้ากว่า ติดผลได้ยากว่าพันธุ์อื่นๆ
  • สายพันธุ์เนื้อ สีแดงเปลือกแดง : เรียกอีกชื่อว่าแก้วมังกรไต้หวัน มีรสชาติหวานกว่าพันธุ์อื่นๆ เนื้อมีสีแดง เปลือกผลจะสีแดงจัด ผลจะมีขนาดเล็กกว่า พันธุ์เนื้อสีขาวเปลือกแดง เนื้อมีน้ำค่อนข้างเยอะ จะไม่กรอบเท่าเนื้อสีขาว เติบโตเร็ว แถมเนื้อสีแดงมีสาร ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ

ที่มา: แก้วมังกรสายพันธุ์ ที่นิยมปลูก [1]

แก้วมังกร พันธุ์เนื้อสีแดงกับเนื้อสีขาวต่างกันอย่างไร

แก้วมังกรที่เรา เห็นอยู่ทั่วไปนั้นจะมีอยู่ 2 สีคือ แก้วมังกรเนื้อสีแดงกับเนื้อสีขาว โดยเนื้อสีแดงจะมีรสชาติที่หวานกว่าเนื้อสีขาว แต่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน โดยแก้วมังกรทั้ง 2 สีนี้จะมีความแตกต่างกันดังนี้

  • แก้วมังกรสีแดง : จะมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง แต่ยังเติบโตในประเทศ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลูกในเขตร้อน ที่มีดินระบายน้ำดีมีแสงแดดเพียงพอ มีรสชาติหวานเล็กน้อย จะมีผิวเปลือกสีชมพูสดใสถึงสีแดงเข้ม เนื้อของผลจะมีสีแดง กับสีม่วงแดงสดใส
  • แก้วมังกรสีขาว : มีที่มาจากอเมริกากลางกับเม็กซิโก ปลูกในภูมิภาคเขตร้อน หรือกึ่งเขตร้อนต่างๆ รวมไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรสชาติหวานเล็กน้อย จะหวานน้อยกว่าแก้วมังกรสีแดงเล็กน้อย ผิวของเปลือกจะค่อนข้างเหนียว เนื้อของผลจะมีสีขาวกับสีเหลืองอ่อน [2]

ประโยชน์และโทษของการรับประทาน แก้วมังกร

แก้วมังกร

แก้วมังกรถึงจะมี รูปร่างที่แปลก แต่ก็เต็มไปด้วย คุณประโยชน์มหาศาล เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ถูกใจใครหลายๆคน แถมยังขึ้นชื่อ ในเรื่องของการลดน้ำหนักได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แก้วมังกรมีปริมาณน้ำตาลที่สูง หากทานในปริมาณมากเกินไป อาจก่อให้เกิดโทษได้

แก้วมังกร กับคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย

แก้วมังการคือผลไม้ ที่อุดมไปด้วยคุณค่ามากมาย เป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง สามารถรับประทาน เพื่อบรรเทาอาการ โรคความดันโลหิต หรือโรคเบาหวานได้ มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆอีกหลายชนิด แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จะมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น โดยมีดังต่อไปนี้

  • ช่วยคลายร้อน : หากทานแก้วมังกร ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าว จะช่วยดับความร้อนได้ดี ช่วยดับกระหายกับคลายความร้อนได้ดี เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรนั้น เต็มไปด้วยไขมันที่ไม่อิ่มตัว
  • แก้อาการท้องผูก : เนื่องจากมีกากใยสูง จึงช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่าย เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติของพรีไบโอติก ที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
  • ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง : มีวิตามินกับแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี, โปรตีน, คลอโรฟิลล์, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณได้ทั้งสิ้น
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ : สามารถช่วยควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดไม่ต้องใช้อินซูลินได้ รวมไปถึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้อีกด้วย
  • ดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย : ในเมล็ดของแก้วมังกรมีสาร ที่ช่วยดูดซับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายได้ เช่น ตะกั่ว ที่มาจากควันรถหรือท่อไอเสีย รวมถึงสารตกค้าง จากยาฆ่าแมลง ที่ติดมากับผัก หรือผลไม้ที่รับประทานเข้าไป

ที่มา: ประโยชน์ของแก้วมังกร [3]

แก้วมังกร กับโทษที่ควรระวัง

เนื่องจากแก้วมังกร เป็นผลไม้ที่ให้พลังงาน และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง หากรับประทาน ในปริมาณมากที่เกินไป อาจก่อให้เกิดโทษต่างๆ ตามมาได้ ควรมีข้อระวังดังต่อไปนี้ดังนี้

  • แก้วมังกรมีปริมาณน้ำตาลสูง : ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรทานเกินวันละ 1 ลูก ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, โรคไต, โรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยง เพราะแก้วมังกร มีโพแทสเซียมสูง
  • อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ : เนื่องจากบางท่านอาจแพ้ ต่อสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อยู่ในแก้วมังกรได้ หากทานแล้วเกิดอาการแพ้ ให้ควรหยุดทานทันที จากนั้นให้รีบไปพบแพทย์ หรือปรึกษาแพทย์
  • อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ : เพราะแก้วมังกรมีสารอาหารทางไฟเบอร์สูง หากทานในปริมาณมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียฉับพลันได้ [4]

สรุป แก้วมังกร ผลไม้ที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ

สรุป แก้วมังกร อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิดเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์เพียบ มีคุณค่าทางอาหาร กับมีเส้นใยอาหารสูง ที่สามารถช่วยให้อิ่มท้อง ได้นานมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังจะลดน้ำหนัก โดยการรับประทาน ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง