ดอกโสน บำรุงสุขภาพ สรรพคุณครบทั้งอาหาร และยา

ดอกโสน

ดอกโสน เป็นหนึ่งใน สมุนไพรพื้นบ้านของไทย ที่ได้รับการยกย่อง ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา ด้วยสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ในหลากหลายมิติ ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ดอกโสนจึงเป็นที่นิยม ในการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ

แนะนำข้อมูล ต้นโสน

ชื่อ: โสน, โสนกินดอก, โสนหิน
ชื่อภาษาอังกฤษ: Sesbania, Sesbania pea
ชื่อวิทยาศาสตร์: Sesbania javanica Miq.
ชื่ออื่นๆ: โสนดอกเหลือง, ผักฮองแฮง (ภาคเหนือ), สีปรีหลา (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
วงศ์: FABACEAE
ถิ่นกำเนิด: พืชถิ่นในทวีปเอเชีย และแอฟริกา โดยเฉพาะในพื้นที่ชื้นแฉะ ริมคลอง ริมคันนา และลำธาร พบได้ทั่วไปในประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ ต้นโสน

ดอกโสน
  • ลำต้น: ต้นโสนเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ที่มีความสูงประมาณ 2-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเปราะบาง และไม่มีแก่น ผิวลำต้นเรียบ มีสีเขียวเข้มสวยงามและมีร่องเล็ก ๆ ตามแนวยาวของลำต้น จึงดูเป็นพืชที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ในการแตกหน่อขึ้นเป็นพุ่มได้อย่างงดงาม
  • กิ่งก้าน: ต้นโสนมีจำนวนกิ่งก้านไม่มาก โดยส่วนใหญ่จะมีเฉพาะบริเวณส่วนบนของต้น กิ่งก้านเหล่านี้มีลักษณะบางและเปราะ โดยมักไม่แตกกิ่งออกมามาก ทำให้ทรงพุ่มดูโปร่งและไม่หนาแน่น
  • ใบ: ใบของต้นโสนมีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงตัวสลับกันตามก้านหลัก ใบย่อยมีรูปร่างมนรีเล็กน้อย ลักษณะคล้ายกับใบมะขามหรือใบกระถิน แต่ละก้านใบมีใบย่อยอยู่ประมาณ 10 – 40 คู่ ใบมีสีเขียวสดสวยงาม ขอบใบเรียบ ปลายใบและโคนใบมน เพิ่มความนุ่มนวลให้กับพุ่มใบทั้งหมด
  • ดอก: ดอกของต้นโสน ออกเป็นช่อกระจุก มักจะพบตามปลายกิ่ง ซอกใบ และซอกกิ่ง ดอกมีสีเหลืองสดใสคล้ายดอกแคหรือลักษณะ ของดอกถั่ว มีกลีบดอกทั้งหมด 5 กลีบ ขนาดยาวประมาณ 2.5 cm. บางดอกอาจมีกลีบดอกที่มีจุดกระสีน้ำตาลหรือสีม่วงแดง ซึ่งเพิ่มความโดดเด่นและความสวยงามให้กับช่อดอก
  • ฝัก: ฝักของต้นโสนมีลักษณะเป็นทรงกลมยาวคล้ายฝักถั่วเขียว แต่จะมีความยาวมากกว่า ขนาดของฝักกว้างประมาณ 4-5 mm. และยาวประมาณ 15 – 20 cm. ฝักอ่อนมีสีเขียวสด เมื่อฝักเริ่มแก่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงน้ำตาล และจะแตกออกในที่สุด ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวน 10 – 20 เมล็ด

 

ที่มา: โสน สรรพคุณและประโยชน์ของดอกโสน [1] 

คุณค่าทางโภชนาการของ ดอกโสน

  • วิตามินเอ: ดอกโสนมี วิตามินเอ ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันภาวะตาแห้ง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อกระจก วิตามินเอยังมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค และป้องกันการติดเชื้อ ดังนั้น การบริโภคดอกโสนจึงเป็นการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น
  • วิตามินซี: ดอกโสนอุดมไปด้วย วิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ วิตามินซียังมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิวหนังและการสร้างเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารอาหารต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
  • แคลเซียม: ในดอกโสนมีปริมาณที่เพียงพอต่อการช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง การรับประทานดอกโสนเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนหรือภาวะกระดูกอ่อน นอกจากนี้ แคลเซียมยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ธาตุเหล็ก: ธาตุนี้เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่มีอยู่ในดอกโสน ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการสร้างฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย การได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน ไม่อ่อนเพลีย และมีสมรรถภาพทางกายที่ดี นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: ดอกโสนมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เควอเซทิน (Quercetin) และ แคโรทีนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ชะลอการเกิดริ้วรอย และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ และมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ ยังช่วยในการลดการอักเสบในร่างกาย และเสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

สรรพคุณทางยาของ ดอกโสน

ดอกโสน เป็นหนึ่งในสมุนไพร ที่ใช้ในตำรับยาไทย หลายร้อยปีมาแล้ว ด้วยสรรพคุณที่โดดเด่นหลายประการ ได้แก่

  • ยาลดไข้และถอนพิษ: ดอกโสนมีฤทธิ์เย็นตามธรรมชาติ จึงช่วยลดไข้และถอนพิษร้อนภายในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการไข้จากการอักเสบหรือการติดเชื้อเบื้องต้น การใช้ดอกโสนในรูปแบบเครื่องดื่มสามารถช่วยลดไข้และทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นได้ เช่นเดียวกันกับ ดอกเบญจรงค์ห้าสี
  • แก้ร้อนในและบำรุงร่างกาย: เนื่องจากดอกโสนมีคุณสมบัติในการลดความร้อนในร่างกาย การดื่มน้ำดอกโสนสามารถช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้ อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณและบำรุงร่างกายให้สมดุล
  • แก้ปวดและลดการอักเสบ: ดอกโสนยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการปวด เช่น อาการปวดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบของเนื้อเยื่อ
    ผลการวิจัยที่สนับสนุนสรรพคุณทางยาของดอกโสน
  • เควอเซทิน (Quercetin): ดอกโสนมีสารเควอเซทิน ซึ่งเป็นสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระสูง สารเควอเซทินนี้ช่วยยับยั้งการอักเสบในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ในการกระตุ้นกระบวนการอะพ็อปโทซิส (apoptosis) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เซลล์มะเร็งตายลงอย่างเป็นธรรมชาติ จึงมีศักยภาพในการป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
  • สารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids): ในดอกโสนยังมีสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ เช่น เบต้าแคโรทีน (β-carotene) และลูทีน (Lutein) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดการอักเสบ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สารเหล่านี้มีประโยชน์ ในการป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงต่อ การเกิดโรคเรื้อรัง และป้องกันการเสื่อมของดวงตา

ที่มา: ดอกโสนบ้านนา [2]

ดอกโสน กับในเมนูอาหาร และเครื่องดื่ม

1.แกงส้มดอกโสน: แกงส้มเป็นเมนูอาหารไทยยอดนิยม ที่มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ด กลมกล่อม การนำดอกโสนมาเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยเพิ่มรสหวานธรรมชาติ ให้กับน้ำแกง ทำให้รสชาติโดยรวม อ่อนละมุนขึ้น ทั้งยังเพิ่มความหอมของดอกโสนในแกงได้เป็นอย่างดี ดอกโสนเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม กับรสเปรี้ยวของน้ำมะขามเปียก และความเผ็ดร้อนของพริกสด ทำให้เมนูนี้กลายเป็น เมนูที่มีรสชาติสมดุล
2.ไข่เจียวดอกโสน: เมนูไข่เจียวเป็นเมนูที่เรียบง่าย แต่การเพิ่มดอกโสน ลงไปในไข่เจียว ทำให้เมนูนี้พิเศษขึ้นมาก ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกโสนที่ผสานกับไข่ และรสชาติที่กรอบนุ่มของดอกโสน ทำให้ไข่เจียวดอกโสนกลายเป็น เมนูที่เหมาะสำหรับทานเล่น หรือเป็นอาหารจานหลัก ที่น่าลิ้มลอง
3.ยำดอกโสน: ยำดอกโสนเป็นเมนูที่สดชื่น และเต็มไปด้วยรสชาติเปรี้ยว หวาน และเผ็ดของน้ำยำ เพิ่มด้วยความกรุบกรอบ ของดอกโสนที่เข้ากับเครื่องยำ ได้อย่างลงตัว
4.ขนมดอกโสน (ขนมโสนน้อยเรือนงาม): ขนมโสนน้อยเรือนงาม เป็นขนมไทยโบราณที่ใช้ดอกโสนเป็นวัตถุดิบหลักในการให้สี และกลิ่นหอม มีลักษณะคล้ายกับขนมขี้หนู แต่เพิ่มดอกโสนลงไป เพื่อเพิ่มสีสัน และกลิ่นหอมจากธรรมชาติ

 

ที่มา: โสน ผักพื้นบ้าน อาหารแบบไทยๆ [3]

ข้อควรระวังในการใช้ ดอกโสน

  • การใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ: การบริโภคดอกโสนควรทำในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรใช้ในปริมาณมากจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อาการแพ้ หรือปัญหาทางเดินอาหาร โดยเฉพาะในผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่บอบบาง
  • คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว: ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ หรือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ดอกโสน เพราะสารบางอย่างในดอกโสนอาจส่งผลกระทบต่อโรคหรือทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้ประจำ
  • ข้อควรระวังสำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: สตรีมีครรภ์หรือผู้ที่ให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้ดอกโสน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ดอกโสนในกลุ่มบุคคลนี้ การใช้สมุนไพรในระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือมีผลต่อการพัฒนาระบบร่างกายของทารก
  • การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อนการใช้ดอกโสน เพื่อให้มั่นใจว่าสมุนไพรนี้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและภาวะสุขภาพของตนเอง การใช้งานอย่างเหมาะสมและปลอดภัยจะช่วยให้ได้รับประโยชน์ทางสุขภาพโดยไม่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย

สรุป คุณประโยชน์ครบครันจาก ดอกโสน

ดอกโสน

สรุป ดอกโสน เป็นมากกว่าดอกไม้พื้นบ้าน เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา ที่ส่งเสริมสุขภาพในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ หรือบำรุงกระดูก การนำดอกโสนมาประกอบอาหารหรือทำเครื่องดื่มไม่เพียงแต่จะเพิ่มรสชาติ และความหอมเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมเต็มสารอาหารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกายได้อีกด้วย 

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง