ดอกซูซานตาดำ ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ ของการให้กำลังใจ เมื่อพิจารณาจากประวัติ ความสามารถ ในการปรับตัวที่ต้องเดินทางแพร่ขยายพันธุ์ จากตะวันออก ไปยังตะวันตก ของประเทศสหรัฐอเมริกา จะเห็นได้ชัดว่าดอกไม้ชนิดนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะอยู่รอดในสภาพแวดล้อมต่างๆ และเติบโตออกดอก แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ได้อย่างสวยงาม
ดอกซูซานตาดำ ถูกกำหนดให้เป็นดอกไม้ ประจำรัฐแมริแลนด์ (Maryland) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ 1918 ดอกไม้ชนิดนี้ จึงถูกนำมาใช้ในสวน และในพิธีต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลอง รำลึกถึง และแสดงความรักต่อรัฐแมริแลนด์ รัฐแมริแลนด์จะมีการแข่งขันหนึ่ง ที่จัดขึ้นทุกปี นั้นก็คือการแข่งวิ่งม้า เมื่อม้าตัวที่ชนะ จะได้รับซูซานตาดำ มาคล้องคอ จึงเป็นที่มาของชื่อการแข่งขันนี้ว่า “The Run for the Black-Eyed Susans” [1]
ที่มา: “Rudbeckia hirta”[2]
สามารถอ่านรายละเอียด ของ”ดอกเดซี่” ต่อได้ที่ blossomin
ที่มา: “Rudbeckia hirta” [2]
ดอกซูซานตาดำ ถูกค้นพบถิ่นกำเนิดบนพื้นธรรมชาติ ที่เป็นป่าเปิด และพื้นที่สะวันนา ที่มีดินปานกลางถึงชื้น ในประเทศอเมริกาเหนือ อเมริกาตอนตะวันออก และอเมริกาตอนกลาง และแพร่หลายไปในพื้นที่ ทางตะวันตกของทวีป รวมถึงในประเทศจีน ปัจจุบันพบมากใน 10 จังหวัดของประเทศแคนาดา และ 48 รัฐในสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่
ในประเทศไทยปลูกอยู่ที่ที่ สวนสิริกิติ์กรุงเทพฯ แต่จะเป็นอีกชนิดหนึ่ง จะมีตาสีน้ำตาล เรียกชื่อกันว่า “แสงอรุณ ฉัตรทอง” ถูกจัดไว้ในพวกเดียวกับดอกโคนฟลาวเวอร์ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Rudbeckia Laciniata L.
สามารถอ่านเรื่อง “ดอกแสงอรุณ ฉัตรทอง“ต่อได้ที่ Rudbeckia laciniata
หากปลูกจากต้นกล้าอ่อน
หากปลูกจากเมล็ด
ต้นที่โตเต็มที่ อาจมีต้นกล้าอยู่ข้างใต้ พร้อมสำหรับการย้ายลงปลูก รดน้ำต้นไม้ให้ชุ่มในตอนแรก แล้วรดน้ำปานกลางได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูร้อน ต้นดอกไม้ชนิดนี้ สามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว และเริ่มออกดอกในช่วงอายุน้อย เป็นต้นไม้ที่สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี สามารถตัดแต่งได้ หากต้นโตเกินไป
สรุป ดอกซูซานตาดำ ดอกไม้ป่าที่บานในฤดูร้อน ที่ต่างเป็นที่รู้จัก และเป็นดอกไม้ที่แข็งแกร่งดั่งตะปู ขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เป็นดอกไม้ที่มองไปแล้วจะได้รับความน่ารัก สดใส จากสีเหลืองทองอร่ามจากดอก ที่เป็นสีของการบ่งบอกถึงกำลังใจที่จะสู้ เพื่อที่จะเติบโต และเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในวันต่อไป
ตีแผ่ทุกแง่มุม ของทุกวงการ ครบทุกรสชาติ ในที่เดียว